กินเค็ม ผงชูรสเยอะ ความดันพุ่ง ไตวาย
เป็นที่รู้กันว่าการกินเค็มสัมพันธ์กับโรคความดันเลือดสูง
เรื่องนี้เป็นคำยืนยันจากการศึกษางานวิจัยใน 24 ประเทศทั่วโลก ในผู้คนถึง 47,000 คน
ถ้าลดปริมาณการบริโภคโซเดียมได้จะลดระดับความดันเลือดได้
ซึ่งยืนยันด้วยการศึกษา 78 ชิ้น การศึกษาในอังกฤษพบว่าถ้าลดการรับโซเดียมเหลือไม่เกิน 100 มิลลิโมล/วัน (เท่ากับเกลือ 6 กรัม)
จะลดอัตราตายด้วยโรคเส้นเลือดสมองได้ 39%
ลดการตายด้วยโรคหัวใจขาดเลือดได้ 30%
รวมแล้วป้องกัน การตายของคนอายุต่ำกว่า 65 ปี ได้ 11,000 คน/ปี และถ้ารวมผู้สูงอายุด้วยก็ลดได้ถึง 75,000 คน
เรื่องลดโซเดียมนี้สำคัญไม่เฉพาะกับคนที่มีความดันเลือดสูงอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น
แม้เเต่กับคนทั่วไปก็เช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าความดันเลือดสูงนานๆ ทำให้เกิดภาวะไตวายด้วย กินโซเดียมมากจึงเพิ่มไตวาย ถ้าลดโซเดียมได้ก็ลดไตวายด้วย
อาหารที่มีโซเดียมสูงพบมากในเฟรนช์ฟราย แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า
ในบรรดาฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้บะหมี่สำเร็จรูปคือราชาแห่งความเค็ม
คนชนบทไม่น้อยกินบะหมี่ซองเปล่า ๆ โดยไม่ชงน้ำ ไม่เพียงความเค็มเท่านั้น
สารบางอย่างไม่เค็มแต่โซเดียมสูงมาก นั่นคือ ผงชูรส (โมโนโซเดียมกลูตาเมต)
สารตัวนี้ยิ่งมีอันตรายสูง เพราะถ้าเป็นความเค็ม ผู้บริโภคยังยับยั้งตัวเองได้
แต่โซเดียมในผงชูรสไม่มีรสเค็ม เพียงหวานคาวๆ ล่อลิ้นคนกิน ยิ่งเติมยิ่งติดใจ
กว่าจะรู้ตัวว่าโดนโซเดียมจากผงซูรสเข้าไปเยอะก็เมื่อกินอาหารมื้อนั้นอิ่มแล้ว หิวน้ำอย่างหนักนั่นแหละ
เดี๋ยวนี้ผงชูรสถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ แถมได้รับการประกาศว่า กินได้โดยไม่จำกัดจำนวน
แล้วยังยอมให้ผงชูรสติดฉลากว่า “ผงชูรสทำมาจากสารธรรมชาติ” นั่นนับเป็นความอยุติธรรมอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภค
เพราะเเท้ที่จริง ผงชูรสเป็นสารเคมี ถึงแม้ทำจากมันสำปะหลังหรืออ้อยก็จริง แต่ต้องเติมโซดาไฟเข้าไปด้วย เพื่อรับตัวโซเดียมเข้าไปในโมเลกุลของมัน และยังผ่านกระบวนการเคมีอีกหลายขั้นตอน
การใช้ข้อความดังกล่าวบนซองจึงทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
ดังนั้นเพื่อความถูกต้อง อย.ต้องบังคับให้ผงชูรสติดฉลากว่า
“ผงชูรสเป็นสารเคมีที่ทำจากสารธรรมชาติและโซดาไฟ”
ผงชูรสคือสารตัวหนึ่งที่เพิ่มภาระอย่างหนักสำหรับไตน้อย ๆ ของชาวโลกนับพันล้านคู่
ตารางต่อไปนี้แสดงอาหารประเภทต่าง ๆ ที่มีโซเดียมสูงและแสดงอาหารในชีวิตประจำวันที่มีผงชูรส โดยที่ผู้บริโภคคาดการณ์ไม่ถึง
ปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคใน 1 วัน
และปริมาณโซเดียมในอาหารชนิดต่าง ๆ 100 กรัม
ปกติในวันหนึ่ง ๆ ร่างกายของเราควรกินโซเดียมไม่เกินวันละ 6 กรัม เท่ากับ 1 ช้อนชากว่า ๆ เกลือ 6 กรัมนี้จะมีโซเดียม 2,300 มก.ที่นี้ลองเปรียบเทียบโซเดียมในอาหารชนิดต่างๆ ต่อ 100 กรัม ดังนี้ :
อาหารตะวันตก | |||
ขนมปังขาว | 530 มก. | ถั่วอบ | 530 มก. |
คอร์นแฟลก | 1,100 มก. | เบอร์เกอร์เนื้อ | 880 มก. |
พิซซ่า | 500-770 มก. | ไส้กรอก | 1,100 มก. |
เฟรนช์ฟราย | 997 มก. | แครกเกอร์ | 613 มก. |
เบคอน | 303 มก. | แฮม | 1,789 มก. |
มันฝรั่งทอดกรอบ | 600 มก. |
อาหารที่พบทั่วไปในท้องตลาด | |
โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป 1 ถ้วย | 1,000 มก. |
ผงชูรส 1 ชช. | 492 มก. |
ซีอิ๊ว | 1,000 มก. |
ซุปก้อน 1 ก้อน | 2,640 มก. |
น้ำปลา 1 ชต. | 2,030 มก. |
น้ำพริกกะปิ 1 ถ้วย (1 ชช. กะปิ) | 87 มก. |
จะเห็นได้ว่า ถ้าเรากินอาหารแบบตะวันตกและอาหารทั่วไปในตลาดจะรับโซเดียมเข้าไปมาก ดังนี้คือ :
มื้อเช้ากิน American breakfast ประกอบด้วย | |
– ไส้กรอก 2 ชิ้น (56 กรัม) | ได้โซเดียม 600 มก. |
– เบคอน 2 ชิ้น (66 กรัม) | ได้โซเดียม 202 มก. |
– แฮม 1 แผ่น (50 กรัม) | ได้โซเดียม 890 มก. |
– ขนมปังขาว 2 แผ่น (50 กรัม) | ได้โซเดียม 265 มก. |
รวม | 1,957 มก. |
มื้อเที่ยง ฟาสต์ฟู้ต ประกอบด้วย | |
เฟรนช์ฟราย 1 ถุง (100 กรัม) | ได้โซเดียม 997 มก. |
แฮมเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น | ได้โซเดียม 880 มก. |
รวม | 1,877 มก. |
มื้อเย็นกินอาหารทั่วไปในท้องตลาดโดยไม่ระวังจะได้โซเดียม ดังนี้คือ : | |
– ก๋วยเตี๋ยว 2 ชาม มีผงชูรส 2 ชช. หรือ |
ได้โซเดียม 1,000 มก. |
– โจ๊กกึ่งสำเร็จรูปหรือบะหมี่ซอง 1 ถ้วย | ได้โซเดียม 1,000 มก. |
รวมยอดโซเดียมที่รับใน 1 วัน (เกินปริมาณที่รับได้ถึง 2 เท่า) |
4,834 มก. |
ถ้าหันมากินอาหารไทย ได้แก่ ข้าวกล้อง น้ำพริก ปลาทู แกงส้ม แกงเลียง และยำต่างๆ ใช้น้ำต้มกระดูกหมูแทนซุปก้อน ใช้ซีอิ้ว น้ำปลาแต่พอควรจะได้โซเดียมต่ำกว่ากันมาก
อาหารและสารปรุงแต่งอาหารที่ใส่ผงชูรส
มีอาหารจำนวนหนึ่งที่ขายในท้องตลาด ผู้ขายได้ใส่ผงชูรสเข้าไปด้วยโดยไม่จำเป็น มีผลให้
- ผู้บริโภครับโซเดียมเกินจำเป็น เพิ่มภาระแก่ไต
- อาจเเพ้ผงชูรส เพราะประชากรทั่วโลกมีโอกาสแพ้ผงชูรสด้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ่งถึง 25%
- ผงชูรสที่ถูกความร้อนสูงจัด จะเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีเป็นสารก่อมะเร็ง กลูพี 1 และกลูพี 2
- ผงชูรสทำให้สมองส่วน Hypothalamus ซึ่งควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายและควบคุมระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ
- ผงชูรสทำให้ร่างกายพร่องวิตามิน เช่น วิตามินบี 6
เพราะฉะนั้นข้อคิดสำหรับคนรักไตก็คือ
คุณจำเป็นอย่างยิ่งต้องจำกัดปริมาณโซเดียมที่ได้รับในเเต่ละวัน
นั่นคือหลีกเลี่ยงอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด และอาหารตะวันตก ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยงการกินผงชูรสด้วย
ประเด็นเหล่านี้คุณดูแลตัวเองและคนในครอบครัวได้ ขอเพียงแต่ต้องพยายาม และก่อนอื่นที่สุด คุณต้องพยายามปรุงอาหารกินเองในบ้าน จึงจะเป็นฝ่ายกระทำใน การคุ้มครองสุขภาพของตัวเอง
อาหารใส่ผงชูรสเท่าที่สำรวจพบในปัจจุบันได้แก่
ประเภทปิ้งย่างทอด (ใส่ผงชูรสในน้ำปรุงเพื่อปิ้ง, แป้งที่ชุบเพื่อทอด ผงชูรสมีโอกาสกลายเป็นสารก่อมะเร็ง) | ||
หมูปิ้ง | ไก่ทอด | ไส้กรอกย่าง |
ทอดมัน | ปาท่องโก๋ | หนังปลาทอด |
ลูกชิ้นปิ้ง | แคบหมู | หมูสะเต๊ะ |
ประเภทอาหารเนื้อ (ใส่เพื่อเรียกลูกค้าโดยเกินความจำเป็นเพราะอาหารประเภทเนื้อก็หวานรสเนื้ออยู่แล้ว) | ||
หมูยอ | แหนม | ไส้อั่ว |
ประเภทอาหารสำเร็จรูป | ||
บะหมี่ซอง | โจ๊กสำเร็จรูป | ขนมกรุบกรอบ |
สาหร่ายสำเร็จรูป | ||
ประเภทเครื่องปรุงรสอาหาร | ||
ซีอิ้วหลายยี่ห้อ | น้ำปลาหลายยี่ห้อ | น้ำมันหอยหลายยี่ห้อ |
ซุปก้อนหลายยี่ห้อ | ซอสมะเขือเทศหลายยี่ห้อ | |
ประเภทอาหารตามร้าน | ||
น้ำแกงสุกี้ | น้ำแกงก๋วยเตี๋ยว | น้ำแกงจุ่มแซป |
อาหารจีนทุกชนิด | ส้มตำ | ซุปหน่อไม้ |
ประเภทพิสดาร | ||
พริกกับเกลือสำหรับจิ้มผลไม้ | ||
วัยรุ่นใช้ใส่กับน้ำอัดลม เชื่อว่าเพิ่มความต้องการทางเพศ |
Cr. คู่มือคนรักไต