รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeเรื่องเล่าสะกิดสุขภาพ Health Story

16 สัญญาณเตือนปวดท้องข้างซ้าย อันตรายถึงตาย

ช่องท้องคนเรานั้นประกอบด้วยอวัยวะหลายอย่าง จึงไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าการปวดท้องในแต่ละครั้งนั้น มีสาเหตุที่แท้จริงมาจาก…….อะไร

หากเรารู้ว่าเราปวดท้องในส่วนไหน ย่อมมีผลดีต่อตัวเรา ที่จะเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีได้อย่างรวดเร็ว

เพราะอาการปวดต่างๆ บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพของเราว่าเป็นอะไร อาการปวดท้องนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น  2 ส่วน คือ ปวดท้องข้างขวา และปวดท้องข้างซ้าย

 

วันนี้ เราจะมาศึกษาอาการปวดท้องข้างซ้ายกัน เพื่อจะได้รู้ว่ามีปัญหาสุขภาพด้านใด

 

อาการปวดท้องข้างซ้ายบน

ช่องท้องบริเวณข้างซ้ายบน อยู่ใกล้กับอวัยวะที่สำคัญนั่นคือ หัวใจ อีกทั้งภายในช่องท้องบริเวณนี้ ยังประกอบไปด้วยอวัยวะที่สำคัญมากมาย เช่น ลำไส้ ไตซ้าย ตับ กระเพาะอาหาร เป็นต้น

อาการปวดท้องข้างซ้าย อาจเกิดได้จากสาเหตุต่างๆ เหล่านี้

 

food-poisoning

1. อาหารเป็นพิษ ( Food poisoning )

เป็นโรคที่เกิดจากการกินอาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่ปนเปื้อนสารพิษหรือเชื้อโรค อาการจะปรากฏตั้งแต่ 2 – 6 ชั่วโมง หรือ 2 – 3 วัน หลังจากได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย 

อาการโดยทั่วไปที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยเนื้อตัว มีไข้สูง เป็นต้น

 

2. ลำไส้แปรปวน ( Irritable Bowel Syndrome )

ลำไส้แปรปวน หรือโรคไอบีเอส เกิดจากการที่ลำไส้ใหญ่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากเกินปกติ ทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติ ซึ่งแพทย์ยังระบุไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด

อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดท้อง ท้องผูก ท้องอืด แน่นท้อง มีแก๊สในท้องมาก อุจจาระไม่สุด ไม่สบายท้อง เป็นต้น อาการต่างๆมักเป็นๆหายๆ

 

3. ปอดบวม ( Pneumonia )

เกิดจากการที่ ปอดติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส พยาธิ หรือเชื้อรา และเกิดภาวะอักเสบ แม้ปอดจะเป็นอวัยวะที่ไม่ได้อยู่ในช่องท้อง แต่เมื่อมีอาการปอดบวม ปอดนั้นจะขยายตัว แล้วไปกดทับอวัยวะในบริเวณช่องท้องข้างซ้ายของร่างกาย ทำให้มีอาการปวดท้องข้างซ้าย

อาการของปอดบวม ได้แก่ เจ็บหน้าอก มีไข้ ไอ และเหนื่อยหอบ

 

4. โรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ( Acute pancreatitis )

มี 2 สาเหตุหลักๆ คือ นิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไปในท่อน้ำดี และ การดื่มแอลกอฮอล์จัด 

ทำให้พิษเข้าไปทำลายเซลล์ของตับอ่อนโดยตรง ซึ่งจะมีอาการเกิดขึ้นทันทีอย่างฉับพลัน

โดยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ หรือปวดท้องอย่างรุนแรงทันที อาการมักจะเป็นอยู่ประมาณ 2 – 3 วัน และจะค่อยๆดีขึ้น

 

5. ม้ามโต ( Splenomegaly )

เป็นการแสดงภาวะผิดปกติของร่างกาย ม้ามโตไม่ได้เป็นโรค

ม้ามโตอาจมีสาเหตุมาจาก โรคตับแข็ง โรคธาลัสซีเมีย โรคเลือดต่างๆ โรคไข้จับสั่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคที่ติดเชื้อไวรัส โรคเอดส์ เป็นต้น 

ม้ามโตเป็นผลมาจากโรคต่างๆ อาการที่แสดงออกจึงแตกต่างกันไปตามโรค เช่น ผู้ป่วยมีอาการแน่นอึดอัดท้อง จากม้ามกดทับอวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง และหากม้ามโตมากจนดันกระบังลมซ้าย จะทำให้หายใจไม่สะดวก 

 

6. มีแก๊สในท้อง ( Gas in digestive tract )

เกิดจากอาหาร และเครื่องดื่มบางชนิด ที่รับประทานเข้าไป รวมถึงการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดและกลืนเร็ว บางรายอาจเกิดจากการสูบบุหรี่ ใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดี มีความเครียด หรือจากเชื้อแบคทีเรียในลำไส้

ผู้ที่มีแก๊สในท้องมาก มักมีอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง ผายลม เรอ และปวดท้องข้างซ้าย

 

constipation

7. ท้องผูก (Constipation)

ปัจจัยที่มักทำให้เกิดอาการท้องผูก คือ รับประทานอาหารที่มีกากใย ผัก ผลไม้น้อย หรือทานแป้งมากเกินไป ใช้ยารักษาโรคบางอย่าง มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคมะเร็งลำไส้ เป็นต้น

อาการท้องผูก ได้แก่ ไม่ถ่ายอุจจาระตามปกติ คือ ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ่ายอุจจาระไม่ออก ถ่ายไม่สุดหรือถ่ายออกยาก เวลาถ่ายมักมีอาการปวดท้องข้างซ้าย หรือ ปวดเกร็งบริเวณหน้าท้องและอาจมีอาการเจ็บขณะถ่ายอุจจาระร่วมด้วย

 

8. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ( Gastritis )

เป็นโรคที่พบบ่อย แต่ยังไม่พบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่นชัด สันนิษฐานว่า เกิดจากการทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสบางชนิด ความเครียด หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง

อาการมักจะแตกต่างกันไป หรือบางรายอาจไม่พบอาการที่ชัดเจน ส่วนใหญ่ มักมีอาการปวดท้องข้างซ้าย จุกหน้าอก แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร

 

9. โรคหัวใจ (Heart disease)

แม้ว่าหัวใจจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับช่องท้อง หรืออาการปวดบริเวณท้อง แต่อาการปวดท้องข้างซ้ายบน เป็นสัญญาณเตือนเริ่่มต้นที่อาจจะเป็นโรคหัวใจได้

ซึ่งในการปวดท้องบริเวณข้างซ้ายบน อาจเกิดจากการที่หลอดเลือดต่างๆ หดหรือบีบตัว เมื่อหลอดเลือดมีการหดตัว จะส่งผลให้ท่อหลอดเลือดตีบ เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 

ประกอบกับอาจมีอาการปวดที่บริเวณใต้ชายโครง ท้องน้อย รอบสะดือ และบริเวณลิ้นปี่ โดยจะปวดเสียดๆ และจะปวดหนักขึ้น จนไม่สามารถรับประทานอาหารได้

stomachache

อาการปวดท้องข้างซ้ายล่าง

10. ถุงน้ำในรังไข่ หรือ ซีสต์รังไข่ ( Cystic Ovary )

ถุงน้ำในรังไข่มีหลายชนิด มีทั้งที่ยุบเองได้ และไม่สามารถยุบเองได้ มักพบในผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีไข่โตเต็มที่แต่ไข่ไม่ตกเป็นประจำเดือน ส่งผลให้ท้องบวม

ผู้หญิงบางรายไม่มีอาการใดๆเลย บางรายปวดหน่วงๆที่ท้องน้อย บางรา่ยมีรอบเดือนผิดปกติ

 

11. ไส้เลื่อน ( Hernia )

คือ ภาวะที่ลำไส้หรืออวัยวะในช่องท้อง เคลื่อนไปยังตำแหน่งอื่น โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากผนังหน้าท้องอ่อนแอที่มีตั้งแต่เกิด หรืออาจเกิดขึ้นภายหลัง

อาการของไส้เลื่อน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นไส้เลื่อนบริเวณใด เช่น หากเป็นไส้เลื่อนที่ขาหนีบ มักจะมีอาการปวดหน่วงๆ หรืออาการปวดแสบปวดร้อน

หากเป็นไส้เลื่อนบริเวณสะดือ จะมีก้อนนู้บริเวณสะดือ เป็นต้น

 

12. โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ ( Urinary tract infection )

เกิดจากการที่อวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบจากการติดเชื่้อ จะเกิดขึ้นบริเวณทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง

อาการที่มักพบในผู้ป่วยที่ติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร เช่น ปัสสาวะบ่อย ปวดแสบเวลาปัสสาวะ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่  ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นแรง หรืออาจปัสสาวะเป็นเลือด

 

13. โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ ( Diverticulitis )

เป็นโรคที่ผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ เป็นถุงโป่งพอง และติดเชื้อ ยังไม่มีสาเหตุที่แน่นอน แต่มักเกิดจากการที่ลำไส้ใหญ่มีความดันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อาการที่พบบ่อยคือ อาการปวดท้องข้างซ้ายล่าง(ต่ำกว่าสะดือ)อย่างรุนแรง มีไข้ อาเจียน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร

 

14. โรคไต ( Kidney disease )

เกิดจากการที่ไตทำงานผิดปกติ และคั่งของเสีย เมื่อไตมีการติดเชื้อ หรือมีนิ่วในไต ก็จะทำให้ปวดท้องข้างซ้ายล่าง

โรคไตมักมีอาการปวดท้องข้างซ้ายล่างอย่างเฉียบพลัน ปัสสาวะผิดปกติ คือ อาจมีปริมาณน้อย หรือมาก หรืออาจไม่มีเลย  อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร  ผิวแห้ง คัน มีน้ำในร่างกายมาก

 

15. ท้องนอกมดลูก หรือ ตั้งครรภ์นอกมดลูก ( Ectopic Pregnancy )

เกิดจากการที่ไข่ผสมกับสเปิร์มแล้วฝังตัวอยู่บริเวณอื่น ที่ไม่ใช่โพรงมดลูก

โดยประมาณ  90% จะฝังตัวอยู่ที่ท่อนำไข่หรือปีกมดลูก ซึ่งเป็นอันตรายต่อตัวแม่และเด็กในครรภ์ หากท่อนำไข่แตก จะเกิดการตกเลือดภายในช่องท้อง

คุณแม่ที่ท้องนอกมดลูกจะมีอาการ คือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดเสียดท้องน้อย หรือ บริเวณท้องข้างซ้ายล่าง อย่างรุนแรงเป็นชั่วโมง อาจร้าวไปถึงหลัง

 

16. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ( Endometriosis )

เกิดจากการที่ประจำเดือนไหลย้อนทางผ่านท่อนำไข่ ไปฝังตัวอยู่ตามอวัยวะต่างๆ จนเกิดเป็นเซลล์เยื่อบุคล้ายถุงน้ำ ที่ภายในบรรจุเลือด และขับออกมาไม่ได้ หากปล่อยไว้นานก็จะกลายเป็น “ช็อกโกแลตซีสต์”

ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีอาการ ปวดท้องข้างซ้ายล่าง มีประจำเดือนมากผิดปกติ และอาจท้องเสีย หรือท้องผูกร่วมด้วย