จูงมือเข้าครัวรวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledge

การปรุงอาหารด้วยสาหร่ายวากาเมะ

รสชาติและรสสัมผัส ของสาหร่ายวากาเมะสายพันธุ์ต่างๆ นั้น มีความหลากหลายอย่างยิ่ง

หากไม่ชอบกลิ่นคาวทะเล และรสสัมผัสที่ค่อนข้างกระด้างของบางยี่ห้อ อาจมองหาสาหร่ายแบบธรรมชาติแล้ว อาจจะแปลกใจกับความอร่อยนุ่มนวลของสาหร่ายวากาเมะ

สาหร่ายวากาเมะแห้ง สามารถทำให้คืนรูปได้ ด้วยการแช่น้ำราว 10-15 นาที เมื่อแช่น้ำแล้วให้นำสาหร่ายวากาเมะมาบีบน้ำส่วนเกินทิ้งไป ตัดส่วนแข็งทิ้ง แล้วหั่นใบสาหร่ายเป็นชิ้น

สาหร่ายวากาเมะอร่อยมาก เมื่อทำเป็นซุปหรือสลัด อาจนำไปใส่สตูว์และอาหารทำจากผักหรือถั่วก็ได้ สาหร่ายวากาเมะเนื้อนุ่ม จึงไม่ควรต้มนานเกิน 2-3 นาที

ผงปรุงรสสารพัดประโยชน์จากสาหร่ายวากาเมะ

เราอาจทำเครื่องปรุงรสที่เปี่ยมโภชนาการได้ โดยการคั่วสาหร่ายวากาเมะแห้ง ในกระทะหรืออบในเตาอบ (แต่ต้องระวัง เนื่องจากไหม้ง่ายมาก)

เมื่อคั่วหรืออบแล้ว ให้ขยำหรือบดสาหร่ายวากาเมะจนเป็นผง อาจใส่งาคั่วลงไปบด ผสมกับสาหร่ายวากาเมะคั่ว เครื่องปรุงรสชนิดนี้อาจใช้โรยบนธัญพืช คลุกเคล้ากับข้าวสุก หรือใส่เพื่อปรุงรสซุปและสลัด

ซุปมิโซะใส่สาหร่ายวากาเมะ

นี่เป็นวิธีที่จะเริ่มวันใหม่อย่างกระปรี้กระเปร่า และเป็นวิธีที่เราชื่นชอบที่สุดในการบริโภคสาหร่ายวากาเมะ สามารถเปลี่ยนไปใช้ผักตามที่มีอยู่ได้ตามใจชอบ

น้ำสต๊อกสาหร่ายคอมบุ หรือน้ำสต๊อกสาหร่ายคอมบุใส่เห็ดหอม 6 ถ้วย ( 1.5 ลิตร)
มันฝรั่ง ปอกแล้วหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 หัว
แครอท หั่นเฉียงบางๆ 1 หัว
สาหร่ายวากาเมะยาว 6 น้ว (15 ซม.) 1 ท่อน
ต้นหอม หั่นเฉียงบางๆ 2 ต้น
มิโซะแดง (ทำจากข้าว)  
หรือมิโซะข้าวบาร์เลย์ 3-4 ช้อนโต๊ะ

1. ใส่น้ำสต๊อกในหม้อ แล้วต้มด้วยไฟปานกลางจนเริ่มเดือด ใส่มันฝรั่ง ต้มอีก 5 นาที

2. ใส่แครอท เคี่ยวอีก 10-15 นาที หรือจนนุ่ม

3. ระหว่างนั้นให้แช่ สาหร่ายวากาเมะด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นนาน 10 นาที ตัดส่วนแข็งทิ้ง หั่นใบเป็นท่อนยาว 1 นิ้ว (2.5 ซม.)

4. เมื่อแครอทนุ่ม ใส่สาหร่ายวากาเมะลงไปในซุป เคี่ยวอีก 1 นาที

5. ใส่ต้นหอม เคี่ยวอีก 1 นาที ยกลงจากเตา

6. ละลายมิโซะด้วยน้ำซุปเล็กน้อย แล้วเทใส่ลงในหม้อ ทิ้งไว้สักพักให้อิ่มตัวก่อนตักเสิร์ฟ

ปริมาณสำหรับ 4 ที่

เวลาเตรียมการ : 10 นาที

เวลาปรุง : 25-30 นาที


สลัดสาหร่ายวากาเมะใส่เเตงกวา

เพื่อนชาวญี่ปุ่นสอนวิธีทำสลัด แคลอรี่ต่ำเปี่ยมคุณค่าทางโภชนาการชนิดนี้ให้กับผู้เขียน ซึ่งเราพบว่าให้ความสดชื่นอย่างยิ่งในวันที่อากาศร้อน

แตงกวา ปอกเปลือกออกถ้าเคลือบแว็กซ์ 1 ลูก
เกลือทะเล 1/2 ช้อนชา
น้ำ 2 ถ้วย (475 มล.)
และอีกพอประมาณสำหรับแช่สาหร่ายวากาเมะ  
สาหร่ายวากาเมะแห้ง 1/2 ถ้วย (10 กรัม)
น้ำส้มสายชูจากข้าวกล้อง 2 ช้อนโต๊ะ
มิริน 2 ช้อนชา
โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) 2 ช้อนชา
ผักกาดหอมพันธุ์บอสตัน สำหรับรองจาน
แรดิชแดง ซอยบางๆ สำหรับตกแต่ง 1 หัว (ไม่ใส่ก็ได้)
ต้นอ่อนโคลเวอร์สำหรับตกแต่ง ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)

1. ซอยแตงกวาบางๆ โรยด้วยเกลือแล้วคลุก ใช้มือบีบแตงกวาเบาๆ พักไว้

2. ใส่น้ำอุ่นให้ท่วมสาหร่ายวากาเมะ แช่ไว้นาน 10 นาที หรือจนกระทั่งนุ่ม

3. ต้มน้ำ 2 ถ้วยในหม้อใบเล็กจนเดือด ลวกสาหร่ายวากาเมะที่แช่ไว้ราว 10 วินาที แล้วตักขึ้นแช่น้ำเย็นทันทีเพื่อให้สาหร่ายมีสีสันสดใสตัดส่วนแข็งทิ้งไป แล้าหั่นเป็นท่อนขนาด ¾ นิ้ว (2 ซม.) ใช้ผ้าเช็ดจานสะอาดห่อไว้เพื่อซับน้ำส่วนเกิน

4. บีบแตงกวาที่ฝานไว้เบาๆ เพื่อกำจัดน้ำส่วนเกิน ใส่ลงในอ่างที่ใส่สาหร่ายวากาเมะเอาไว้

5. ผสมน้ำส้มสายชู มิริน โชยุ และน้ำในถ้วยใบเล็ก ราดลงบนผักแล้วคลุกเคล้า

6. จัดสลัด สาหร่ายวากาเมะใส่แตงกวาลงบนผักกาดหอมที่เรียงไว้ ตกแต่งด้วยแรดิชฝานบางๆ โรยด้วยต้นอ่อนโคลเวอร์นิดหน่อย หากต้องการ

ปริมาณสําหรับ 3 ที่

เวลาเตรียมการ : 10 นาที และเวลาแช่สาหร่ายอีก 10 นาที

เวลาปรุง : 1 นาที

Cr. มหัศจรรย์อาหารญี่ปุ่น