การปรุงอาหารด้วยสาหร่ายฮิจิกิและอาราเมะ
เมื่อปรุงสุกและนำไปใช้อย่างเหมาะสม สาหร่ายฮิจิกิจะดูสวยงามอย่างยิ่ง สีดำเป็นประกาย ช่วยเพิ่มความงามที่ตัดกันอย่างโดดเด่นให้กับอาหารทุกชนิด
เมื่อวางแผนมื้ออาหารที่มีสาหร่ายฮิจิกิ ลองใช้อาหารสีต่างๆ ที่ตัดกับสีดำของสาหร่ายฮิจิกิอย่างงดงาม แครอท สควอชฤดูหนาว1 และฟักทอง ให้สีส้มเข้ม
ขณะที่บร็อกโคลี่และวอเตอร์เครสนึ่งเพื่อสุก ให้สีเขียวสดใส สลัดสาหร่ายฮิจิกิเย็นราดน้ำสลัดเต้าหู้งาสีขาวข้นเป็นครีม โรยด้วยต้นหอม หรือพาร์สลีย์สีเขียวสับละเอียด ให้สีสันที่ตัดกันอย่างน่าประทับใจและดูน่ากินอย่างยิ่งในวันอบอ้าวกลางฤดูร้อน
แม้ว่าสาหร่ายฮิจิกิและสาหร่ายอาราเมะ จะใช้วิธีปรุงแบบเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางอย่าง สาหร่ายฮิจิกินั้นเส้นหนากว่า กระด้างกว่า และมีความคาวของทะเลมากกว่า
สาหร่ายอาราเมะมีกลิ่นรสอ่อนจางกว่ามาก จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำอาหารด้วยสาหร่ายทะเล
ควรล้างสาหร่ายทั้ง 2 ชนิด อย่างรวดเร็ว แต่ทั่วถึง เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม เช่น ทรายและเปลือกหอย แล้วใส่น้ำให้ท่วมเพื่อแช่ไว้
แต่เนื่องจากลักษณะที่แตกต่างกัน จึงควรแช่สาหร่ายฮิจิกิราว 10 นาที ขณะที่สาหร่ายอาราเมะซึ่งบอบบางกว่านั้น แช่เพียง 5 นาที ก็เพียงพอแล้ว
หากแช่นานเกินไป สารอาหารสำคัญจะละลายไปกับน้ำ และทำให้สาหร่ายพองน้ำจนซึมซับรสชาติของเครื่องปรุงรสในสูตรอาหารได้น้อยลง
หากใช้น้ำแช่สาหร่ายเพื่อทำอาหาร ควรค่อยๆริน เพื่อไม่ให้สะเทือนถึงทรายและเปลือกหอยที่นอนก้นอยู่ โดยเหลือน้ำไว้เล็กน้อยแล้วเททิ้งไป
การใช้น้ำแช่สาหร่าย จะทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้น และช่วยลดความจำเป็นในการใส่เกลือหรือโชยุให้น้อยลง
สูตรอาหารต่างๆ ต่อไปนี้ใช้น้ำเปล่าในการปรุง หากเลือกที่จะใช้น้ำแช่สาหร่าย ให้ลดปริมาณโชยุลงครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยใส่เพิ่มหากต้องการ
อย่าลืมว่าการแช่สาหร่าย ทำให้สาหร่ายอาราเมะและสาหร่ายฮิจิกิแห้ง เพิ่มปริมาณขึ้นราว 3 เท่า
ในการทำอาหารโดยทั่วไป หลังจากแช่สาหร่ายแล้ว ควรบีบน้ำส่วนเกินทิ้ง และผัดด้วยน้ำมันราว 2-3 นาที ใส่น้ำแช่สาหร่ายหรือน้ำเปล่าลงไป จนเกือบท่วม แล้วเคี่ยวจนกระทั่งสาหร่ายนุ่มและน้ำแห้งเกือบหมด (สาหร่ายฮิจิกิใช้เวลาราว 35 นาที ส่วนสาหร่ายอาราเมะใช้เวลาราว 25 นาที)
สุดท้ายจึงปรุงรสสาหร่ายที่นุ่มแล้วด้วยโชยุและมิริน เคี่ยวต่ออีก 2-3 นาที ทั้งสาหร่ายฮิจิกิและสาหร่ายอาราเมะ จะมีรสอร่อยเมื่อผัดกับผักรสหวาน
เช่น แครอท หอมใหญ่ที่ผัดนานๆ สควอชฤดูหนาว รากบัว เห็ดหอมและข้าวโพด สาหร่ายฮิจิกิและสาหร่ายอาราเมะ ยังอร่อยมาก เมื่อเสิร์ฟพร้อมเต้าหู้สดทอดด้วยน้ำมันมาก หรือผัดกับเต้าหู้แห้ง
อาจใส่สาหร่ายฮิจิกิ และสาหร่ายอาราเมะสับปริมาณเล็กน้อยลงไปผสมกับข้าวสุก ข้าวฟ่างหรือข้าวบาร์เลย์ สาหร่ายฮิจิกิและสาหร่ายอาราเมะยังเหมาะสำหรับใส่ในสลัดด้วย โดยเฉพาะเมื่อราดด้วยน้ำสลัดเต้าหู้
แม้ว่าสูตรอาหารต่อไปนี้จะระบุว่าควรใช้สาหร่ายฮิจิกิหรือสาหร่ายอาราเมะ แต่ก็อาจใช้แทนกันได้หากต้องการ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนวิธีการแช่และปรุงตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
สลัดสาหร่ายอาราเมะ
สาหร่ายอาราเมะต้มแล้วช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและความเป็นตะวันออกให้กับสลัดผัก หรืออาจทำสลัดสาหร่ายล้วนๆ แล้วรองด้วยผักกาด ราดน้ำสลัดเต้าหู้สีขาวที่ข้นเป็นครีม โรยพาร์สลี่ย์เพื่อเพิ่มสีสันที่ตัดกันให้กับสาหร่ายทะเลสีเข้มเกือบดำ
สาหร่ายอาราเมะแห้ง | 1 ถ้วย (15 กรัม) |
น้ำ | 5 ถ้วย (1.25 ลิตร) |
โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) | 1 ช้อนโต๊ะ |
มิริน | 1 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้) |
ใบผักกาด | พอประมาณ |
น้ำสลัดเต้าหู้และงา | 1-2 ช้อนโต๊ะ |
พาร์สลีย์สดสับ | สำหรับตกแต่ง |
1. แช่สาหร่ายอาราเมะในน้ำอุ่นนาน 5 นาที หรือจนกระทั่งนุ่ม สะเด็ดน้ำ ล้าง แล้วสะเด็ดน้ำอีกครั้ง
2. ต้มน้ำผสมโชยุและมิริน หากต้องการใส่ จนกระทั่งเดือด ใส่สาหร่ายอาราเมะ แล้วต้มไฟอ่อนนาน 20 นาที สะเด็ดน้ำ ทิ้งไว้ให้เย็นในอุณหภูมิห้องหรือแช่เย็นเล็กน้อย
3. วางผักกาดในจานสำหรับเสิร์ฟเพื่อรองสาหร่ายอาราเมะ ใส่สาหร่ายอาราเมะไว้ข้างบน เหยาะน้ำสลัดเต้าหู้และงา ตกแต่งด้วยพาร์สลีย์
ปริมาณสำหรับ 4 ที่
เวลาเตรียมการ : 5 นาที กับเวลาที่ใช้ทำอาราเมะ
เวลาปรุง : 25 นาที
ผักดองรวมมิตรใส่สาหร่ายฮิจิกิและงา
นี่เป็นผักดองรวมมิตรใส่สาหร่ายทะเล แสนอร่อยที่เราชอบทำไว้คราวละน้อยๆ
โดยใช้น้ำดองผักร้อนๆ เพื่อจะได้มีไว้ใช้เพิ่มความน่าสนใจ และคุณค่าโภชนาการที่เข้มข้นให้กับอาหารเรียบง่าย สูตรนี้เพียงพอสําหรับบรรจุขวดขนม 12 ออนซ์ (350 มล.) 2 ขวด
โดยใช้ขวดแก้วถนอมอาหารที่มีฝาและแถบเกลียวสำหรับรัดปิด หากต้องการปริมาณมากขึ้นให้ปรับสูตรเพิ่มเป็น 2 หรือ 3 เท่า
สาหร่ายฮิจิกิ | 1 ออนซ์ (25 กรัม) |
แครอทหั่นเป็นชิ้นบาง | 1 หัว |
เทอร์นิปหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ | 1/2 ถ้วย (50 กรัม) |
เมล็ดงา | 2 ช้อนชา |
หัวหอมใหญ่ซอย | 1 หัวเล็ก |
น้ำส้มสายชูจากข้าวกล้อง | 6 ช้อนโต๊ะ |
โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) | 6 ช้อนโต๊ะ |
มิริน | 1 1/2 ช้อนโต๊ะ |
น้ำมันจากงาคั่ว | 1 1/2 ช้อนชา |
เกลือทะเล | 2 หยิบนิ้ว |
น้ำ | 2/3 ถ้วย (175 มล.) |
1. แช่สาหร่ายฮิจิกิ เพื่อให้คืนรูปในน้ำอุ่นราว 10 นาที หรือจนกระทั่งนุ่ม ล้างสาหร่ายแล้วสะเด็ดน้ำ ลวกในน้ำเดือดนาน 1 นาที แล้วพักไว้
2. ลวกแครอทในน้ำเดือดนาน 20 วินาที แช่น้ำเย็นทันที สะเด็ดน้ำ แล้วพักไว้
3. ลวกเทอร์นิปในน้ำเดือดนาน 10 วินาที แช่น้ำเย็นทันที สะเด็ดน้ำ แล้วพักไว้
4. คั่วงาในกระทะใบเล็กที่แห้งสนิทด้วยไฟปานกลางนาน 1-2 นาที หรือจนกระทั่งมีกลิ่นหอมและเริ่มปะทุ ยกลงจากเตา แล้วพักไว้
5. คลุกเคล้าสาหร่ายฮิจิกิ แครอท เทอร์นิป หัวหอมใหญ่ และงาให้เข้ากันดี นำใส่ในขวดถนอมอาหารขนาด 12 ออนซ์ โดยเหลือที่ว่างด้านบนไว้ ½ นิ้ว (1.3 ซม.)
6. ผสมน้ำส้มสายชู โชยุ มิริน น้ำมันงา เกลือ และน้ำ ในหม้อใบเล็กต้มจนกระทั่งอุณหภูมิสูง 180 องศาฟาเรนไฮต์ (80 องศาเซลเซียส) อย่าให้เดือด เทราดผักที่อยู่ในขวดจนท่วม ปิดฝา
7. ต้มน้ำปริมาณมากพอท่วมขวดผักดองในหม้อทรงสูงจนเดือดใช้คีมคีบขวดผักดองใส่ลงไป ต้มน้ำให้เดือดต่ออีก 10 นาที นำขวดขึ้นจากน้ำ ตรวจดูฝา ถ้าหลวมให้ปิดจนแน่น ทิ้งไว้ให้เย็น รอจนกว่าพร้อมจะนำมาใช้ สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี
ปริมาณที่ได้ : ขวดขนาด 12 ออนซ์ (350 มล.) 2 ขวด
เวลาเตรียมการ : ประมาณ 20 นาที
เวลาปรุง : 15 นาที
1พืชตระกูลแดง รสสัมผัสและรสชาติคล้ายฟักทอง-ผู้แปล
Cr. มหัศจรรย์อาหารญี่ปุ่น