รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeศาสตร์ชะลอวัย Anti-aging

The Science of Meditation

นับเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งโลก “ตกตะลึง” เมื่อ “TIME Magazine”  ฉบับวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2546 กล่าวในเนื้อหากว่า “คอลัมน์ขนาดใหญ่” พร้อมประกอบด้วยภาพสีจำนวนมาก ในเนื้อหาที่เป็น “แนวทางใหม่” ของมวลมนุษยชาติ

นั่นคือ “สกู๊ปพิเศษ” ว่าด้วย “The Science of Medition” หรือ “วิทยาศาสตร์ (ทางใจ)ของการทำสมาธิ”

TIME Magazine “พาดหัวสกู๊ปไว้อย่างน่าทึ่ง” ว่า……

“เรื่องสมาธิ นักวิทยาศาสตร์ ก็ ศึกษาวิจัย…”
“แพทย์สนับสนุนให้นั่งสมาธิ…”
“คนอเมริกัน…กว่าสิบล้านคน ในทุกวัน… จะนั่งสมาธิ”

ในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันกว่าสิบล้านคน จะนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ และมีปริมาณมากขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อสิบปีก่อน สถานที่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นที่นั่งสมาธิ จนคนเรียกแถบว่า เป็นแถบของชาวพุทธ

ในทุกๆเช้านักเรียนจะนั่งสมาธิก่อนเข้าห้องเรียน นักกฎหมาย นักธุรกิจ คนทำงานสาขาอาชีพต่าง ๆ นั่งสมาธิตามที่หน่วยงานของตนจัดให้นั่งอย่างสม่ำเสมอ ดาราภาพยนตร์ นักการเมือง นักเขียน ต่างก็นั่งสมาธิด้วย

แม้กระทั่งในคุก ก็มีห้องนั่งสมาธิให้นักโทษ นักโทษที่นั่งสมาธิเมื่อพ้นโทษแล้วจะกลับเข้าคุกน้อยกว่าพวกที่ไม่ได้นั่ง

ในสหรัฐอเมริกาคนที่ไม่เชื่อเรื่องสมาธิกลับกลายเป็นคนกลุ่มน้อยไปเสียแล้ว

คนเหล่านี้นั่งสมาธิ เพราะ ทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย สุขภาพและชีวิตดีขึ้น ก่อให้เกิดความสามัคคีปรองดองมากขึ้น

การนั่งสมาธิทำให้ร่างกายมีสภาวะเหมือนก่อนจะหลับแต่ไม่ได้หลับ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ และทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใส อีกทั้งสมาธิยังช่วยขจัดความขัดแย้งในจิตใจ ทำให้ใจอยู่นิ่ง ท่ามกลางความสับสนว่าจะเอาอย่างไรดี

เมื่ออยู่นิ่งๆ จะเข้าถึงสถานการณ์และเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ยอมรับสิ่งนั้นด้วยความสงบและมีความสุขมากขึ้น และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้แพทย์แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด เข้าใจว่า ทำไมมนุษย์ถึงนั่งสมาธิมาหลายพันปีแล้ว

แพทย์มักแนะนำให้คนไข้นั่งสมาธิเป็นประจำและสม่ำเสมอมากขึ้น เพราะจากผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ จากการสแกนคลื่นสมอง พบว่า…

สมองจะมีระบบปิดกั้นเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามา และไม่ส่งเรื่องเข้าไปย่อยในส่วนลึกของเนื้อสมองอย่างเคย แต่ทำให้ระบบลิมบิค ซึ่งเป็นส่วนควบคุมด้านอารมณ์และความจำดีขึ้น ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ ลมหายใจ และการเผาผลาญในร่างกายเป็นปกติ

สมาธิช่วยทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ สามารถรักษาโรคร้ายแรงเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เอดส์ มะเร็ง ความดันโลหิตสูง โรคใจสั่น

สมาธิยังรักษาจิตใจที่ปั่นป่วน กดดัน สมาธิสั้น วุ่นวายไม่อยู่นิ่ง ทำให้คนไข้โรคมะเร็ง เอดส์ และเจ็บปวดเรื้อรัง ๑๔,๐๐๐ คน ไม่ต้องกินยาแก้ปวด

นอกจากนี้ พลังของสมาธิยังสามารถรักษาคนไข้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบร้อนแดงให้มีผิวใสขึ้นเป็น ๔ เท่าของผู้ที่ไม่ได้นั่งสมาธิ

นักเขียนที่เคยกินยาแก้เครียดมาเกือบจะตลอดชีวิต เมื่อนั่งสมาธิก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาอีกต่อไป

ผู้กำกับการแสดงและดาราภาพยนตร์ ฮอลลีวู้ด ลดความกดดันจากอาชีพและความเป็นคนดังมีชื่อเสียง โดยการนั่งสมาธิ และทำให้มีความสุขมากขึ้น รู้ตัวมากขึ้น มองเห็นสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น พัฒนาบุคลิกภาพให้สง่างามและดูมีอำนาจมากขึ้น มองเห็นตัวเองได้มากขึ้น และรู้ว่าควรแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองได้อย่างไร เพียงแต่นั่งเงียบ และทำให้จิตใจสงบเท่านั้น

นักการเมืองที่มีชื่อเสียง เช่น ฮิลลารี คลินตัน พูดถึงสมาธิ อัล กอร์ นั่งสมาธิและแนะนำให้ทุกคนนั่งสมาธิด้วย

Credit : นิตยสาร ไทมส์ ฉบับวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๖

#Life101Page #Meditation