ภาวะลำไส้รั่ว(Leaky Gut Syndrome) คืออะไร
ภาวะลำไส้รั่ว(Leaky Gut Syndrome) คืออะไร
ในลำไส้เล็ก จะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหาร เรียกว่า วิลไล(Villi)
วิลไลจะมีลักษณะเป็นลอนตามขวางเรียงตัวชิดกันแน่นเป็นระเบียบ
เพื่อดูดซึมสารอาหารที่ย่อยแล้วเข้าสู่ร่างกาย
ส่วนสารพิษหรืออาหารที่ยังย่อยไม่สมบูรณ์จะถูกส่งผ่านและขับถ่ายออกจากร่างกายต่อไป
เมื่อมีความผิดปกติหรือการอักเสบเกิดขึ้น
ความสามารถในการดูดซึมอาหารจะเสียไป
อีกทั้งยังมีการบวมของเซลล์เยื่อบุผิวลำไส้
ทำให้เกิดช่องว่างที่บริเวณ ‘tight junctions’
หรือเซลล์ดูดซึมสารอาหารของลำไส้เล็กขึ้น
ซึ่งตรงช่องว่างนี้เองที่ทำให้สารพิษ
และอาหารที่ยังย่อยไม่สมบูรณ์เล็ดลอดเข้าไปสู่ระบบไหลเวียนเลือด
ซึ่งโดยปกติแล้วสารดังกล่าว
ไม่เคยผ่านเข้ามาได้
เราเรียกภาวะนี้ว่า”ลำไส้รั่ว”(ไม่ใช่ลำไส้ทะลุ)
สาเหตุของภาวะลำไส้รั่ว การแพ้อาหาร “การแพ้อาหาร” มีผลต่อสุขภาพลำไส้เป็นอย่างมาก เมื่อลำไส้อักเสบไปจนถึง”รั่ว” และผู้ที่ทานอาหารที่ตัวเองแพ้โดยไม่รู้ตัวว่าแพ้เป็นประจำ “มีคนจำนวนมากแพ้อาหารโดยไม่รู้ตัว คือการแพ้อาหารชนิดนั้นตลอดชีวิต คือการแพ้เป็นบางช่วงบางครั้ง อาการแพ้อาหาร แต่ละคนมีอาการที่แตกต่างกันไป มีตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงรุนแรงมาก การทดสอบว่าแพ้อาหารชนิดใดบ้างมีหลายวิธี ซึ่งมักอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่มีภาวะลำไส้รั่ว มีความเป็นไปได้สูงว่า จะแพ้อาหารทุอย่าง ผลเสียเมื่อเกิดภาวะลำไส้รั่ว ตับทำงานหนักมากขึ้น ยิ่งตับทำงานหนักมากเท่าไหร่ บางรายภูมิคุ้มกันอาจทำงานผิดพลาด วิธีทดสอบว่าเป็นภาวะลำไส้รั่วของแพทย์บางราย ใช้วิธี Lactulose/mannitol test Lactulose (แล็กทูโลส) เป็นน้ำตาลโมเลกุลใหญ่ mannitol(แมนนิทอล) เป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็ก การรักษาภาวะลำไส้รั่ว 1. ทานจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ 2. รับประทานผัก ผลไม้ 3. ดื่มน้ำให้มากๆ 4. ทานอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ 5. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย
ผู้ที่ไม่เคยมีประวัติการแพ้อาหารมีโอกาสแพ้อาหารสูง
อาจทำให้เกิดภาวะลำไส้รั่วเช่นกัน
โดยการแพ้อาหารจะเกิดในช่วงเวลาใดของชีวิตก็ได้
และการแพ้อาหารของแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันออกไป
ทุกครั้งที่เผลอทานจะมีอาการ
อาจกลับมาทานอาหารนั้นใหม่ได้อีก
หากหายจากภาวะลำไส้รั่วก็อาจกลับมาทานอาหารทุกอย่างได้
ยิ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานแปรปรวนไปด้วย
ซึ่งปกติไม่สามารถดูดซึมเข้าผนังลำไส้ได้ จึงตรวจไม่พบในปัสสาวะ
ดังนั้น หากตรวจพบน้ำตาลชนิดนี้ในปัสสาวะ นั้นหมายถึงว่ามี “ภาวะลำไส้รั่ว”
ซึ่งปกติสามารถดูดซึมเข้าผนังลำไส้และตรวจพบในปัสสาวะได้
ดังนั้น หากตรวจพบน้ำตาลชนิดนี้ในปัสสาวะน้อยลง นั้นหมายถึงว่ามี “ภาวะลำไส้รั่ว”
เช่น จุลินทรีย์ตระกูลLactobacillus
หรือตระกูล Bifidobacteria
ช่วยทำลายแบคทีเรียร้ายและเกื้อกูลแบคทีเรียดีในลำไส้
ที่มีวิตามินและกรดอะมิโนที่ช่วยในการซ่อมแซมเยื่อบุผิวลำไส้
เพื่อช่วยการทำงานของทางเดินอาหารทั้งระบบ
รวมทั้งงดเครื่องดื่มกาเฟอีน และแอลกอฮอล์ที่จะไปกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานผิดปกติ
เช่น กระเทียม กล้วย หอมหัวใหญ่ ต้นหอม น้ำผึ้ง หน่อไม้ฝรั่ง และรากชิโครี
ซึ่งเหล่านี้จะอุดมด้วย FOS , Inulin
เพื่อให้เชื้อจุลินทรีย์ชนิดที่ดีในร่างกายเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
ปรับเปลี่ยนอาหาร ลดการใช้ยา และปรับสภาพจิตใจ
เข้านอนให้เร็วขึ้น เพราะการนอนเป็นวิธีการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายได้ดีที่สุด
ที่สำคัญอีกอย่างคือพยายามลดความเครียด