ร่างกายจะสมดุล เลือดต้องเป็นด่างอ่อนๆ (Homeostasis)
กลไกการทำงานของร่างกายนั้นต่อเนื่อง หมุนเวียนเป็นวงจรเรียกว่า เมแทบอลิซึ่ม (Metabolism)
เริ่มต้นจากเคี้ยวอาหารในปาก อาหารถูกย่อยโดยน้ำลาย
ถึงกระเพาะอาหาร จะถูกย่อยครั้งที่ 2
เข้าสู่ลำไส้จะถูกย่อยครั้งที่ 3
จากลำไส้อาหารที่ย่อยถูกดูดซึมเข้าสู่เลือดไปเลี้ยงเซลล์ ทั่วร่างกาย
และของเสียในเลือดถูกขับออกทางปัสสาวะ เหงื่อ และลมหายใจ
กากอาหารที่เคลื่อนเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ ถูกขับออกทางอุจจาระ
ผลจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำให้เกิดสารพิษ (Toxin) ในเลือด
คาร์โบไฮเดรท ——-> ทำให้เกิด กรดน้ำส้ม + กรดแลคติค
โปรตีน —-> ทำให้เกิด กรดกำมะถัน + กรดฟอสฟอริค
กรดของเสียเหล่านี้ สามารถกัดเหล็กให้กร่อน
ได้หากไม่กำจัดออกไป ก็จะทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกระบบ
เลือดต้องเป็นด่างอ่อนๆ pH 7.4
ปฏิกิริยาชีวเคมีต่างๆ ที่เกิดในเลือด
เพื่อสร้างฮอร์โมน เอนไซม์ และสารจำเป็นต่อชีวิตอื่นๆ นับหมื่นๆชนิดจึงจะมีประสิทธิภาพ
เราเรียกว่า เลือดอยู่ในสภาวะสมดุล (Homeostasis) ถ้าเลือดเป็นกรด (pH ต่ำกว่า 6.95) เกิดภาวะ Acidosis เกิดอาการโคม่าและตายได้เช่นกัน
วิธีรักษาสภาวะสมดุลในเลือด
- ต้องดื่มน้ำที่เป็นด่างมากๆ เช่น น้ำแร่ ไม่ควรดื่มน้ำ RO
- กินผักผลไม้หรือน้ำผักผลไม้มากๆ (เพราะผักมีฤทธิ์เป็นด่าง) น้ำผักผลไม้ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย น้ำผักผลไม้กระตุ้นตับอ่อนให้ขับอินซูลิน น้ำผักผลไม้กระตุ้นต่อมไธรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมน TSH
- กินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น อาหารมังสวิรัติ อาหารแมคโครไบโอติกส์ เป็นต้น หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์