รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeเรื่องเล่าสะกิดสุขภาพ Health Story

อาหารกับอารมณ์

เป็นที่ทราบกันดีว่า อาหารมีผลต่ออารมณ์ เนื่องจากอารมณ์จะมีความเกี่ยวข้องกับการหลั่งและการใช้สารเคมีในสมอง โดยนักวิทยาศาสตร์โภชนาการสามารถแบ่งแยกสารเคมีธรรมชาติที่มีอยู่ในอาหารซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์และความรู้สึกของคนได้ โดยการพิจารณาจาก

  •  การมีอิทธิพลต่อการผลิตสารนิวโรทรานสมิทเตอร์
    .
  • การยึดจับเซลล์สมอง และเปลี่ยนการทำงานของเซลล์
    .
  • การเปิดทางให้แก่เซลล์สมอง เพื่อให้สารเคมีอื่นๆ เข้ามาโดยอาหารที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นอาหารทั่วไปๆ ที่มีผลต่ออารมณ์ทั้งสิ้น

แอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยผ่อนคลายซึ่งดื่มกินกันทั่วไป ถ้าคุณรู้สึกครึกครื้นมีความสุขหลังจากดื่มไป 1 แก้ว นั่นไม่ใช่เพราะว่าแอลกอฮอลไปเร่งการทำงานของสมอง

แต่เป็นเพราะแอลกอฮอล์ไปทำให้คุณผ่อนคลาย เเละหลายคนพบว่าการดื่มแอลกอฮอล์บ้างนิดหน่อยร่วมกับอาหาร จะทำให้อารมณ์ผ่อนคลายจากความเครียดได้ (1 แก้ว/วันสำหรับผู้หญิง และ 2 แก้ว/วันสำหรับผู้ชาย)

Anandamide

เป็นสารเคมีที่จับกับตัวรับสัญญาณในสมองซึ่งมีส่วนผสมเหมือนกับควันกัญชา สมองจะหลั่งสารชนิดนี้ออกมาโดยธรรมชาติ แต่ร่างกายก็สามารถได้รับสารนี้จากช็อคโกเลต

นอกจากนี้ช็อคโกเลตยังประกอบด้วยสารเคมี 2 ชนิดที่คล้ายกับ anandamide ซึ่งไม่ชะลอการสลายตัวของสาร anadamide ในสมอง จึงทำให้เกิดผลกระทบที่มากขึ้น และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมกินช็อคโกเลตจึงทำให้อารมณ์เบิกบานขึ้น

คาเฟอีน

คาเฟอีนมีฤทธิ์เป็นตัวกระตุ้นอ่อนๆ กล่าวคือ เพิ่มความดันเลือด เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้แคลอรี่เผาผลาญเร็วขึ้น ปัสสาวะบ่อยขึ้น และลำไล้เคลื่อนอาหารได้เร็วขึ้น 

นอกจากนี้ คาเฟอีนยังเป็นตัวยกระดับอารมณ์ แม้ว่าจะไปช่วยเพิ่มระดับสารเซโรโทนิน แต่ก็ทำให้นิวโรทรานสมิตเทอร์สงบลง อีกทั้งยังไปจับกับ receptors บางอย่างในสมอง (ด้านพื้นผิวของเซลล์สมอง)

ซึ่งโดยปกติมีไว้สำหรับจับกับสารกล่อมประสาทอะดีโนซีนที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ โดยคาเฟอีนจะเข้าไปแทนที่สารอะดีโนซีน ทำให้เซลล์สมองทำงานไวต่อตัวกระตุ้นบางอย่าง เช่น แสงและเสียงมากขึ้น ส่งผลให้คุณพูดเร็วขึ้น คิดเร็วขึ้นเเต่วิธีการที่คนตอบสนองต่อคาเฟอีนนั้นเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล

บางคนอาจดี่มกาแฟวันละ 7 แก้วเป็นประจำ แต่ยังคงสงบอยู่ได้ตลอดวัน และยังนอนหลับสนิทในเวลากลางคืน เนื่องจากคนพวกนี้อาจมี receptors ในสมองมากพอที่จะรองรับสารอะดีโนซีนและคาเฟอีน หรืออาจเป็นเพราะคนในกลุ่มนี้มีความไวต่ออะดีโนซีนมากกว่า ซึ่งยังไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริงได้

แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดผลกระทบของคาเฟอีนอาจกินเวลานาน 1-7 ชม. การดื่มกาแฟหลังจาก 23.00 น. ไปแล้วอาจทำให้คุณตาสว่างเป็นนกฮูกไปจนถึงเช้าได้

ทริปโตเฟน และกลูโคส

ทริปโตเฟนเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ส่วนกลูโคสเป็นผลผลิตจากกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในกระแสเลือด

และเป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานที่หมุนเวียนในร่างกายนิวโรทรานสมิทเตอร์โดปามีน นอร์เอปิเนฟริน และเซโรโทนิน เป็นสารที่ประกอบขึ้นจากกรดอะมีโนไทโรซีน และทริปโตเฟนซึ่งพบในอาหารประเภทโปรตีน

โดยไทโรซีนเป็นส่วนผสมสำคัญที่สุดที่มีอยู่ในโดปามีนและนอร์เอปิเนฟริน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว

ส่วนทริปโตเฟนเป็นส่วนผสมสำคัญที่สุดของสารเซโรโทนินซึ่งเป็นสารที่ทำให้ร่างกายสงบกรดอะมิโนทั้งหมดในสมอง จะเหมือนกับรถไฟขบวนเล็กๆ ที่บรรทุกสารเคมี

แต่สมองจะจัดเส้นทางให้แก่ขบวนรถไฟไทโรซีนก่อน และทริปโตเฟนเป็นขบวนสุดท้าย และนี่เองคือเหตุผลที่ว่าทำไมอาหารที่มีโปรตีนสูงจึงทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น

การเคลื่อนขบวนทริปโตเฟนต้องอาศัยกลูโคส นั่นหมายความว่าร่างกายต้องการอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เมื่อคุณกินคาร์โบไฮเดรต ตับอ่อนจะหลั่งสารอินซูลิน (ฮอร์โมนที่ช่วยให้ไทโรซีนและกรดอะมิโนอื่นๆไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด) เพื่อให้ขบวนทริปโตเฟนสามารถเดินทางไปทั่วสมอง

เมื่อทริปโตเฟน เพิ่มมากขึ้นในสมอง สมองจะหลั่งสารเซโรโทนินมากขึ้น และนี่เองคือเหตุผลที่ว่า ทำไมอาหารประเภทแป้งพาสต้าจึงทำให้คุณสงบเยือกเย็น

ผลกระทบของน้ำตาลอื่นๆ อย่างเช่น น้ำตาลซูโคส (น้ำตาลบนโต๊ะอาหาร) มีความซับซ้อนอยู่มาก ถ้าคุณกินน้ำตาลขณะท้องว่างน้ำตาลจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ตับอ่อนจะผลิตอินซูลินออกมามากขึ้น เพื่อย่อยคาร์โบไฮเดรต

นั่นทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดลดต่ำลง ทำให้เกิดอาการหน้ามืด กะทันหันแทนที่จะเป็นสงบเยือกเย็น

แต่ถ้าคุณกินขณะที่อิ่ม เช่น กินของหวานหลังกินอาหารมื่อหลัก น้ำตาลจะถูกดูดซึม เข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายสงบลง อาหารบางอย่างทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น (เช่น เนื้อหมู ปลา ไก่) หรืออาจทำให้ร่างกายสงบลง (เช่นพาสต้า ขนมปัง มันฝรั่ง ข้าว และธัญพืช) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเปลี่ยนระดับสารเซโรโทนินในสมอง

Phenylethylalaine (PEA)

เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายหลั่งออกมาขณะที่มีความรัก ทำให้รู้สึกอารมณ์ดีไปหมด ข่าวใหญ่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1980 เมื่อนักวิจัยค้นพบว่า ช็อคโกเลตเป็นแหล่งอาหาร PEAที่ดีเยี่ยม เนื่องจากช็อคโกเลตประกอบด้วยสารคาเฟอีนที่ช่วยยกระดับอารมณ์ให้ดีขึ้น มีสาร thromromine, cannabinoid และ anandamine ที่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อ

ใช้อาหารจัดการกับอารมณ์

ไม่มีอาหารอะไรที่จะเปลี่ยนบุคลิกภาพหรือความแปรปรวนทางอารมณ์ของคุณ แต่อาหารบางอย่างอาจช่วยทำให้คุณสงบลงได้บ้างชั่วขณะระหว่างวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองทำให้ร่างกายตื่นตัว และทำให้คุณมีพลังงาน แต่ก็มีคำเตือนเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการใช้อาหารในการจัดการอารมณ์ ได้แก่

  • การดื่มกาแฟ 1 ถ้วยในตอนเช้า จะทำให้คุณตื่นตัว แต่กาแฟ 7 ถ้วย/วัน จะทำให้คุณมือไม้สั่น
    .
  • การดื่มแอลกอฮอล์ 1 แก้ว/วัน นับว่าปลอดภัยและช่วยผ่อนคลาย แต่ถ้าดื่ม 3 แก้ว/วัน อาจก่อให้เกิดความหายนะตามมาได้
    .
  • อกไก่ทอด (ไม่ติดหนัง) สำหรับอาหารเช้า เมื่อคุณต้องยืนทำงานจนถึงก่อนเที่ยง จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉง รูปแบบหนึ่งของชีวิตที่มีสุขภาพดี คือ การรู้จักใช้เครื่องมือ (อาหาร) ให้ถูกต้องและเหมาะสม

Cr. คู่มือโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น