จูงมือเข้าครัวรวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledge

เมนูอาหารจากเต้าหู้

สะเต๊ะเต้าหู้

เมื่อแต่งรสด้วยผงกะหรี่และเสิร์ฟพร้อมกับซอสถั่ว ก็จะเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่คิดว่าเต้าหู้ มีรสชาติจืดชืด เมื่อเหลือบมองแวบแรกสูตรนี้อาจจะดูซับซ้อน แต่ที่จริงง่ายมาก และรสชาติที่เข้มข้นทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนหมู่มาก

เต้าหู้แข็งเป็นพิเศษ 1 ก้อน (14 ออนซ์/400 กรัม)
น้ำหมักใส่ผงกะหรี่  
เนยถั่วธรรมชาติไม่ใส่เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเลมอนสด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีสดสับ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
ขิงสดปอกเปลือกขูดละเอียด 1 ช้อนชา
พริกแห้งป่น 1/8 ช้อนชา
ซอสถั่ว  
น้ำมันถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงสับ 2 หัว
กระเทียมสับ 2 กลีบ
พริกแห้งป่น 1/4 ช้อนชา
ยี่หร่า 1 ช้อนชา
เนยถั่วธรรมชาติไม่ใส่เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 4 ช้อนโต๊ะ
หางกะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำเลมอนหรือน้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา
โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) 2 ช้อนชา

1. หากใช้ไม้เสียบ ให้นำไปแช่น้ำราว 1-2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการไหม้

2. หั่นเต้าหู้ตามแนวขวางเป็นชิ้นหนา ¾ นิ้ว (2 ซม.) เรียงเต้าหู้ลงบนด้านหนึ่งของผ้าเช็ดมือที่แห้งสะอาด พับผ้าอีกด้านหนึ่งมาทับบนเต้าหู้ กดเบาๆ เพื่อซับความชื้นส่วนเกิน หั่นครึ่งเต้าหู้ตามแนวตั้ง แล้วหั่นครึ่งอีกครั้งตามแนวยาว

3. ผสมเครื่องปรุงน้ำหมักทุกชนิดเข้าด้วยกันในถาดอบตื้นๆ

4. นำเต้าหู้ไปคลุกกับน้ำหมักให้ทั่ว แล้วหมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง พลิกกลับด้าน 1-2 ครั้ง

5. อุ่นเตาย่างไฟฟ้าหรือเตรียมเตาย่างกลางแจ้ง

6. สำหรับการทำซอสถั่ว ให้ใส่น้ำมันในกระทะใบเล็ก ตั้งไฟปานกลางค่อนร้อน แล้วใส่หอมแดง กระเทียม และพริกป่น ผัดนาน 2 นาทีหรือจนกระทั่งหัวหอมเริ่มใส

7. ใส่ยี่หร่า ตามด้วยเนยถั่ว แล้วผัดจนเกาะตัวเป็นก้อน

8. ค่อยๆ เติมน้ำทีละน้อย จนกระทั่งข้นเป็นครีม ใส่หางกะทิลงไปคนให้เข้ากัน ใส่น้ำเลมอนและโชยุ ตักใส่ถ้วยน้ำจิ้มเฉพาะคน พักไว้

9. นำเต้าหู้ไปเสียบไม้อย่างเบามือ ไม้ละ 1 หรือ 2 ชิ้น โดยให้ไม้ทะลุผ่านกลางชิ้นเต้าหู้

10. เรียงเตาหู้ที่เสียบไม้ไว้บนตะแกรงเหนือเตาย่างกลางแจ้งหรือในถาดของเตาย่างไฟฟ้า ให้อยู่เหนือความร้อน 3 นิ้ว (7.5 ซม.) ย่างราว 3 นาที หรือจนกระทั่งเกรียมเล็กน้อย พลิกกลับด้าน แล้วย่างต่ออีก 3 นาที หรือจนกระทั้งเกรียม

11. เสิร์ฟทันทีพร้อมซอสถั่ว

ปริมาณสําหรับ 4-5 ที่

เวลาเตรียมการ : 25 นาที

เวลาปรุง : 10 นาที


ลาซานญ่ามังสวิรัติ

พาสต้าจากอิตาลีซึ่งเป็นอาหารจานโปรดในอเมริกาสูตรนี้ปลอดนมเนย ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เสิร์ฟคู่กับสลัดและขนมปังกระเทียมเพื่อเป็นอาหารมื้อที่แสนอร่อยและอิ่มเอม

แป้งลาซานญ่า 8 แผ่น
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 2 ช้อนชา
กระเทียมสับ 2 กลีบ
เห็ดกระดุม  
หรือเห็ดขนาดเล็กอื่นๆฝานบางๆ 5-6 ดอก
เกลือทะเล 1 หยิบนิ้ว
ซอสสปาเก็ตตี้ 3 1/2 ถ้วย (825 มล.)
ออริกาโน่หรือมาร์จอแรมแห้ง 1/3 ช้อนชา
ใบไทม์แห้ง 1/4 ช้อนชา
เต้าหู้บดสำหรับสอดไส้ 1 ส่วน

1. ต้มน้ำใส่เกลือในหม้อใบใหญ่จนเดือดพล่าน ต้มแผ่นลาซานญ่าตามที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ แผ่นแป้งควรนุ่มแต่ไม่สุกเต็มที่ (อัลเดนเต้)สะเด็ดน้ำจากแผ่นแป้ง แล้วใส่ในอ่างน้ำเย็นพักไว้

2. ใส่น้ำมันในกระทะใบใหญ่ ตั้งไฟปานกลางค่อนข้างต่ำจนร้อน ใส่กระเทียม เห็ด และเกลือ ผัดราว 2-3 นาที หรือจนกระทั่งเห็ดเริ่มนุ่ม

3. ใส่ซอสสปาเก็ตตี้ เคี่ยวจนเกือบเดือด ใส่ออริกาโน่และไทม์เคี่ยวต่ออีก 2-3 นาที

4. อุ่นเตาอบให้ร้อน 350 องศาฟาเรนไฮต์ (175 องศาเซลเซียส)

5. เมื่อพร้อมจะจัดเรียงลาซานญ่า ให้สะเด็ดน้ำจากแผ่นแป้ง แล้ววางเรียงบนก้นจานอบขนาด 9 x 13 นิ้ว (23 x 32 ซม.) เป็นชั้นแรกโดยเรียงให้ขอบแผ่นแป้งเกยกันเล็กน้อย ทาเต้าหู้บดบนแผ่นแป้งให้หนาเสมอกัน ราดด้วยซอสครึ่งหนึ่ง แล้วเรียงซ้ำแบบเดิมอีก

6. อบโดยไม่ปิดจานอบราว 30-40 นาที หรือจนกระทั่งลาซานญ่าร้อนทั่วกันดี ยกออกจากเตาอบ ตั้งทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนเสิร์ฟ

ปริมาณสำหรับ 6 ที่

เวลาเตรียมการ : 20 นาที

เวลาปรุง : 50 นาที


เต้าหู้บดสำหรับสอดไส้

เต้าหู้บดสำหรับสอดไส้ที่แคลอรี่ต่ำ มีคุณค่าทางโภชนาการและเปี่ยมรสชาติสูตรนี้ มีความคล้ายคลึงกับชีสริคอตต้า จึงใช้แทนชีสได้อย่างน่าพอใจในอาหารอิตาเลียนจานโปรดแบบปลอดผลิตภัณฑ์นม เช่น ลาซานญ่ามังสวิรัติและซิติ*อบมัสวิรัติ

เต้าหู้แข็ง 1 ปอนด์ (450 กรัม)
มิโซะขาวรสนุ่มนวล 3 ช้อนโต๊ะปาดเรียบ
  ผสมกับน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
ทาฮินี (งาขาวบด) 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 กลีบ
น้ำเลมอนสดหรือน้ำส้มสายชูจากข้าวกล้อง 2 ช้อนชา
พาร์สลีย์สดสับ 3 ช้อนโต๊ะ

1. ใช้ผ้าเช็ดจานที่แห้งและสะอาดห่อเต้าหู้ บีบเบาๆ เพื่อกำจัดน้ำส่วนเกิน

2. บิเต้าหู้ใส่ในอ่างขนาดกลาง แล้วบดด้วยส้อมหรือที่บดมันฝรั่ง

3. ผสมมิโซะและทาฮินีเข้าด้วยกัน เทใส่ในเต้าหู้ คนจนเข้ากันดี ใส่กระเทียม น้ำมะนาว และพาร์สลี่ย์ลงไปผสม

4. ใช้เต้าหู้บดนี้ทันทีหรือแช่เย็นไว้ แล้วใช้ภายใน 24 ชั่วโมง

ปริมาณที่ได้ ประมาณ 2 ถ้วย (500 ก.)

เวลาเตรียมการ : 5 นาที

* ซิติ คือ พาสต้าทรงกระบอกกลวงเหมือนมะกะโรนี แต่เป็นท่อนเส้นตรงไม่งอ


สาหร่ายอาราเมะผัดผักใส่เต้าหู้แห้ง

เมื่อเสริมด้วยรสหวานจางๆ ของมิริน อาหารหลากสีจากสาหร่าย อาราเมะ แครอท ข้าวโพดหวาน และพาร์สลี่ย์ ก็ให้ทั้งคุณค่าทางโภชนาการ ความอร่อย และเสน่ห์ดึงดูดใจ เต้าหู้แห้งเป็นแหล่งโปรตีนเข้มข้นและให้รสสัมผัสที่ขัดแย้งอย่างน่าสนใจ

สาหร่ายอาราเมะตากแห้ง 1 1/4 ถ้วย
(ห่อขนาด 1.76 ออนซ์/50 กรัม)  
เต้าหู้แห้งแบบเยือกแข็ง 4 ชิ้น
น้ำมันจากงา (ไม่คั่ว) 2 ช้อนชา
โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) หรือทะมะริ 1 1/2 – ช้อนโต๊ะ
  หรือตามชอบ
มิริน 1 ช้อนโต๊ะ
แครอท หั่นเป็นเส้นเท่าก้านไม้ขีด 1 หัว
เมล็ดข้าวโพดสดหรือแช่แข็ง 1 ถ้วย (150 กรัม)
พาร์สลีย์สดสับ 2-3 ช้อนโต๊ะ

1. ใส่สาหร่ายอาราเมะลงในอ่าง ใส่น้ำให้ท่วม แช่ทิ้งไว้แค่ 5-10 นาที อย่าให้นานกว่านี้

2. ทําให้เต้าหู้แห้งคืนรูปด้วยการแช่ไว้ในน้ำอุ่นนาน 5 นาที บีบน้ำออกสลับกับการจุ่มน้ำซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งน้ำที่ออกมาจากเต้าหู้เริ่มใส ไม่ขุ่นอีกต่อไป หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วพักไว้

3. สะเด็ดน้ำจากสาหร่าย

4. ใส่น้ำมันในกระทะใบใหญ่ ตั้งไฟจนร้อน ใส่สาหร่ายที่สะเด็ดน้ำแล้ว ผัดด้วยไฟกลางค่อนข้างร้อนราว 1-2 นาที ใส่เต้าหู้และน้ำจนเกือบท่วมสาหร่าย รอจนเดือด ลดความร้อน ปิดฝา แล้วเคี่ยวราว 15 นาที

5. ใส่โชยุและมิรินลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากับสาหร่ายและเต้าหู้

6. โรยแครอทลงบนสาหร่าย ปิดฝาอบไว้ 5 นาที

7. ใส่ข้าวโพดลงไปผสม เคี่ยวต่ออีก 5นาที ถ้ายังมีน้ำเหลืออยู่ให้เปิดฝา แล้วเคี่ยวด้วยไฟแรงอีก 2-3 นาที จนเกือบแห้ง

8. โรยด้วยพาร์สลี่ย์ปิดฝา อบไว้ 1 นาที เสิร์ฟร้อนๆ

ปริมาณสำหรับ 6-8 ที่

เวลาเตรียมการ : 5 นาที และอีก 10 นาทีเพื่อแช่สาหร่ายและเต้าหู้

เวลาปรุง : 30 นาที


แกงกะหรี่ผักและเต้าหู้แห้ง

ทั้งรสชาติจัดจ้านและสีสันสวยงาม แถมยังปรุงง่าย นี่จึงเป็นอาหารจานโปรดของครอบครัวเรา และเป็นทางเลือกที่เหมาะมากหากมีแขกที่ไม่คาดฝันแวะมาเยี่ยม เมื่อเสิร์ฟคู่กับข้าวเต้าหู้แห้งจะให้โปรตีนเข้มข้นที่ครบถ้วน เต้าหู้แห้งแบบเยือกแข็งมีแบบหั่นเป็นชิ้นไว้เเล้ว ขนาดประมาณ 1 x 11/2 นิ้ว (3.75 x 6 ซม.)

เต้าหู้แห้งแบบเยือกแข็ง 4 ชิ้น
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 กลีบ
หอมใหญ่สับ 1 หัว
แครอท หั่นเป็นชิ้นพอคำ 2 หัว
มันฝรั่ง ปอกเปลือกและหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 หัว
เกลือทะเล 1 ช้อนชา
ผงกะหรี่ 4 ช้อนชา
ยี่หร่าป่น 2 ช้อนชา
น้ำสต๊อกเห็ดหอม  
หรือน้ำสต๊อกสาหร่ายคอมบุ 4 ถ้วย (1 ลิตร)
ใบกระวาน 1 ใบ
บร็อกโคลี่หั่นเป็นช่อเล็ก 2 ถ้วย (300 ก.)
โชยุ(ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) 2 ช้อนชา
มิริน (ไม่ใส่ก็ได้) 1 ช้อนชา
แป้งคูซุ 3 ช้อนโต๊ะ

1. ทำให้เต้าหู้แห้งคืนรูปด้วยการแช่ไว้ในน้ำอุ่นนาน 5 นาที บีบน้ำออกสลับกับการจุ่มน้ำซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งน้ำที่ออกมาจากเต้าหู้เริ่มใส ไม่ขุ่นอีกต่อไป หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็ก

2. ใส่น้ำมันในกระทะใบใหญ่ ตั้งไฟปานกลางจนร้อน ผัดกระเทียมและหอมใหญ่ 2-3 นาที หรือจนกระทั่งหอมใหญ่เริ่มใส

3. ใส่แครอทและมันฝรั่ง ผัดอีก 2-3 นาที

4. ใส่เกลือ ผงกะหรี่ ยี่หร่า ผัดสักครู่ แล้วใส่น้ำสต๊อก 3 ถ้วย (700 มล.) ใบกระวานและเต้าหู้แห้ง ปิดฝา เคี่ยวราว 20 นาที

5. ใส่บร็อกโคลี่และน้ำซุปที่เหลือ เคี่ยวโดยปิดฝาอีก 5 นาที หรือจนกระทั่งบร็อกโคลี่สุก แต่ยังกรอบ

6. ใส่โชยุและมิรินลงไป คนให้เข้ากัน

7. ละลายแป้งคูซุด้วยน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากันดี เทใส่ในกระทะพร้อมทั้งคนไปด้วย คนเบาๆ นานราว 1-2 นาที จนกระทั่งข้น แล้วเคี่ยวอีก 1 นาที

8. เสิร์ฟโดยราดบนข้าว

ปริมาณสำหรับ 4 ที่

เวลาเตรียมการ : 15 นาที

เวลาปรุง :40นาที


น้ำสลัดเต้าหู้เเละงา

น้ำสลัดเนื้อเนียนชนิดนี้มีไขมันน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับน้ำสลัด แบบฝรั่งเศสหรือแบบอิตาเลียนโดยทั่วไป ลองกินคู่กับสลัดสาหร่ายอาราเมะ

เมล็ดงา 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้อ่อนหรือเต้าหู้แข็ง 5 ออนซ์ (150 กรัม)
น้ำมันดอกคำฝอย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันจากงาคั่ว 2 ช้อนชา
น้ำส้มสายชูจากข้าวกล้อง  
หรือจากน้ำแอปเปิ้ล 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ  4 ช้อนโต๊ะ
มิโซะหวานหรือมิโซะรสนุ่มนวล  3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมฝาน 1 กลีบ
น้ำเชื่อมจากข้าวกล้องงอกหรือมิริน 1 ช้อนโต๊ะ

1. คั่วงาด้วยความร้อนปานกลางในกระทะใบเล็กที่แห้งสนิท คนเป็นครั้งคราวราว 1 หรือ 2 นาที หรือจนกระทั่งมีกลิ่นหอมและเริ่มปะทุเทใส่ถ้วยใบเล็กทันที แล้วพักไว้

2. ใส่ส่วนผสมทุกอย่าง ยกเว้นงา ลงในเครื่องปั่นอาหาร ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่เหยือกมีฝาปิด ใส่งาลงไปผสมให้เข้ากัน

3. แช่เย็นก่อนเสิร์ฟ โดยเขย่าให้เข้ากันดีก่อนใช้ น้ำสลัดสูตรนี้ เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 2 สัปดาห์

ปริมาณที่ได้ : ประมาณ 1 2/3 ถ้วย (400 มล.)

เวลาเตรียมการ : 5 นาที

Cr. มหัศจรรย์อาหารญี่ปุ่น