รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeศาสตร์ชะลอวัย Anti-aging

พลังงานอาหาร

นักโภชนาการวัดปริมาณความร้อนที่ได้จากการเผาพลาญอาหารโดยมีหน่วยเป็น “กิโลแคลอรี่” ซึ่งก็คือ ปริมาณพลังงานที่ทำให้อุณหภูมิของน้ำ 1 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส ที่ระดับน้ำทะเล

แต่โดยทั่วไปแล้ว นักโภชนาการมักจะใช้ ” แคลอรี่” แทน “กิโลแคลอรี่” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในแง่ของวิทยาสตร์ เพราะ 1 แคลอรี่ เท่ากับ เศษ 1 ส่วน 1,000 ของกิโลแคลอรี่ แต่เนื่องจาก “แคลอรี่” เป็นคำที่พูดและจำได้ง่ายกว่า ดังนั้น “แคลอรี่” จึงเป็นคำที่คุณพบเห็นเป็นประจำในเรื่องของพลังงานจากอาหาร

การนับจำนวนแคลอรี่

เมื่อคุณอ่านพบว่า กล้วยไข่ 100 กรัม ให้พลังงาน 147 แคลอรี่ นั่นหมายความว่าการเผาพลาญกล้วย 100 กรัม จะทำให้เกิดพลังงานความร้อน 147 แคลอรี่

ซึ่งร่างกายสามารถนำพลังงานนั้นไปใช้ได้และคุณอาจสงสัยว่าอาหารประเภทใดให้พลังงานมากที่สุด คำตอบก็คือ ไขมัน เนื่องจากไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ในขณะที่แอลกอฮอล์ 1 กรัม ให้พลังงาน 7 แคลอรี่ ส่วนโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานเท่ากัน คือ 4 แคลอรี่

อาหารที่ให้พลังงาน แต่ไม่มีคุณค่าสารอาหาร

อาหารทุกชนิดให้แคลอรี่ และแคลอรี่ทั้งหมดให้พลังงาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าแคลอรี่ทั้งหมดจะมีคุณค่าสารอาหารที่สำคัญ เช่น กรดอะมิโน กรดไขมัน วิตามินและเกลือแร่

โดยมีอาหารบางอย่างที่ให้พลังงานว่าง ซึ่งหมายความว่าให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ไม่มีคุณค่าสารอาหาร ที่รู้จักกันดีก็คือ น้ำตาล และเอธานอล 

ซึ่งเอธานอลเป็นแอลกอฮอล์ที่พบได้ในเบียร์ ไวน์ และเหล้า

ด้วยเหตุนี้ คนที่ติดเหล้าอาจจะไม่ผอมเสมอไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนพวกนี้มักจะดื่มเหล้าแทนการกินอาหาร

และส่วนใหญ่ก็เป็นโรคขาดสารอาหาร ที่พบส่วนใหญ่คือ การขาดไธอะมีน (วิตามินบี1) ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่อยากกินอาหาร ปวดท้อง ซึมเศร้า และขาดสมาธิ

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคขาดสารอาหาร คุณจึงควรเลือกซื้อและกินอาหารที่ให้คุณค่าสารอาหารและพลังงานต่อร่างกาย เพราะการกินอาหารหลายอย่างมากเกินไป

แต่เป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็คือต้นเหตุของปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น กระดูกอ่อน น้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐาน เลือดออกตามไรฟัน ผื่นคันตามผิวหนัง ความเสื่อมโทรมอื่นๆ รวมทั้งสภาพจิตใจผิดปกติ เช่น มีอาหารซึมเศร้า และสติปัญญาเชื่องช้า

Cr. คู่มือโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น