ประโยชน์ของส้ม
ประโยชน์ของส้ม
ส้มเป็นผลไม้ยอดนิยมที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ บทความนี้จะพูดถึง ประโยชน์ของส้ม ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
คุณค่าทางโภชนาการต่อน้ำหนัก 100กรัม | |
พลังงาน | 37 |
เส้นใยอาหาร | 1.7 กรัม |
วิตามินซี | 54 มก. |

ความสำคัญของส้มในชีวิตประจำวัน
ส้มเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ให้วิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพ นอกจากนี้ยังหาซื้อได้ง่าย ราคาถูก รับประทานได้ทุกวัย และยังนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น น้ำผลไม้ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด จึงถือว่าส้มมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันทั้งด้านโภชนาการ สุขภาพ และเศรษฐกิจ
สารอาหารหลักที่พบในส้ม
- วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ และช่วยให้แผลหายเร็ว
- ไฟเบอร์ (ใยอาหาร): ช่วยระบบขับถ่าย ลดคอเลสเตอรอล และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- โพแทสเซียม (Potassium): ช่วยควบคุมความดันโลหิต และการทำงานของกล้ามเนื้อ
- กรดโฟลิก (Folic Acid): ช่วยสร้างเม็ดเลือด และป้องกันโลหิตจาง
- สารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น ฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์
- น้ำ: ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย
ข้อมูลจากแหล่งวิจัยและแหล่งข้อมูลสุขภาพ
ส้มช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคอะไรได้บ้าง
ไข้หวัดและการติดเชื้อทางเดินหายใจ
ส้มมีวิตามิน C ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยวิตามิน C จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบในทางเดินหายใจ ทำให้อาการคัดจมูก ไอ เจ็บคอ และน้ำมูกลดลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในส้มยังช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากการติดเชื้อ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และลดโอกาสในการเกิดโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยเรื้อรัง
โรคเลือดออกตามไรฟัน (Scurvy)
การขาดวิตามิน C อย่างต่อเนื่องจะทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนได้เพียงพอ ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและรักษาความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด เมื่อเกิดการขาดวิตามิน C จึงนำไปสู่ภาวะเลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม ฟันโยก ผิวหนังเป็นจ้ำเลือดง่าย และบาดแผลหายช้า
ส้มเป็นแหล่งของวิตามิน C ชั้นเยี่ยมที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว การรับประทานส้มเป็นประจำจึงช่วยทั้งในด้านการป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และ การฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมกินผักผลไม้น้อย เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่สูบบุหรี่จัด ซึ่งมักมีความเสี่ยงสูงต่อการขาดวิตามิน C
โรคหัวใจและหลอดเลือด
สารฟลาโวนอยด์ในส้ม โดยเฉพาะ และ มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ และช่วยลดปฏิกิริยาออกซิเดชันในร่างกาย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการตีบหรือแข็งตัวของหลอดเลือด นอกจากนี้ ส้มยังช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และอาจเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ส่งผลให้ความเสี่ยงในการสะสมไขมันในผนังหลอดเลือดลดลง
อีกทั้งส้มยังอุดมด้วย โพแทสเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต และ ใยอาหาร ที่ช่วยลดการดูดซึมไขมันส่วนเกิน การรับประทานส้มเป็นประจำจึงเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วย ดูแลสุขภาพหัวใจ และ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ความดันโลหิตสูง
ส้มเป็นแหล่งของโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยลดผลกระทบของโซเดียม (เกลือ) ที่มากเกินไปในร่างกาย โดยโพแทสเซียมจะช่วยปรับสมดุลของเกลือแร่และลดความตึงของผนังหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงอย่างปลอดภัย การบริโภคส้มเป็นประจำจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจที่ตามมา
ท้องผูก
ใยอาหารในส้ม โดยเฉพาะจากเนื้อส้มและเยื่อสีขาวใต้เปลือก มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยให้ของเสียเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น และทำให้อุจจาระนุ่มขับถ่ายได้ง่าย การรับประทานส้มทุกวันสามารถช่วยแก้ปัญหาท้องผูกเรื้อรังได้โดยไม่ต้องพึ่งยาถ่าย
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
วิตามิน C ในส้มมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวในการตรวจจับและกำจัดเชื้อโรค อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากการติดเชื้อ ทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วและมีโอกาสเจ็บป่วยน้อยลง
โรคเบาหวานชนิดที่ 2
แม้ส้มจะมีรสหวาน แต่เป็นน้ำตาลธรรมชาติที่มาพร้อมกับใยอาหาร โดยเฉพาะหากรับประทานทั้งผล จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้ส้มยังมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างปลอดภัย เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการป้องกันโรคนี้
โรคกระดูกพรุน
ส้มให้แคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม และยังมีวิตามิน C ที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน การรับประทานส้มอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและหญิงวัยหมดประจำเดือน
โรคเกี่ยวกับผิวหนังและริ้วรอยก่อนวัย
วิตามิน C ในส้มช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งมีหน้าที่คงความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนของผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ และการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และแข็งแรงจากภายใน
โรคมะเร็งบางชนิด
สารต้านอนุมูลอิสระและฟลาโวนอยด์ในส้ม เช่น Hesperidin และ D-limonene มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งหลอดอาหาร อีกทั้งยังลดความเสียหายของ DNA จากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการกลายพันธุ์ของเซลล์
ประโยชน์ของส้มต่อร่างกาย
ประโยชน์ทางโภชนาการ
ไฟเบอร์: ช่วยส่งเสริมการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย
พลังงานต่ำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมการรับประทานอาหาร
ระบบภูมิคุ้มกัน
ช่วยให้แผลหายเร็ว: วิตามินซีในส้มช่วยเร่งการฟื้นฟูแผล
ระบบย่อยอาหาร
แก้ท้องผูก: ช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น
ผิวพรรณและความงาม
ลดริ้วรอยและจุดด่างดำ: ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ควบคุมความดันโลหิต: ช่วยลดความดันโลหิตและบำรุงหัวใจ
การป้องกันโรค
ลดความเสี่ยงมะเร็งบางชนิด: เช่น มะเร็งปอดและมะเร็งตับ