รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeศาสตร์ชะลอวัย Anti-aging

ชาญี่ปุ่นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ดั้งเดิมนั้น ผู้ที่นำเครื่องดื่มสมุนไพรชนิดนี้จากจีนมาสู่ญี่ปุ่น คือ พระภิกษุในศาสนาพุทธ

ชาถือเป็นสิ่งหายากและราคาแพง บนเกาะญี่ปุ่นอยู่หลายปี เมล็ดพันธุ์ชาเมล็ดแรก ถูกปลูกที่ญี่ปุ่นในยุคราชวงศ์ถัง(ค.ศ.618-907) โดยการเก็บเกี่ยวใบชา ผูกพันอยู่กับชีวิตในวัดและกิจกรรมทางศาสนา

ทุกวันนี้ ผ่านมากว่าหนึ่งพันปี ชากลายเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของญี่ปุ่น ตั้งแต่ ชาโนยุ พิธีชงชาของพระนิกายเซน ไปจนถึง โอ-ชะ ช่วงพักดื่มชาตอนบ่าย 3 โมงของทุกวัน การดื่มชาได้กลายเป็นสถาบันหนึ่งของญี่ปุ่นไปแล้ว

ชาญี่ปุ่นมีทั้งช่วยกระตุ้นและช่วยผ่อนคลาย เซ็นชะ ที่รสออกเปรี้ยว โฮจิชะ ที่กลิ่นคล้ายควัน และ คุคิชะ ที่เจือรสดิน ช่วยให้ต่อมรับรสสดชื่น และทำให้ได้ความเพลิดเพลินในการบริโภคอาหารต่างๆ มากขึ้น

แม้ว่าชาญี่ปุ่นทุกชนิด จะมาจาก Camellia sinensis ไม้พุ่มที่เขียวขจีทั้งปี แต่กระบวนการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ได้รสชาติ สีสัน และรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน

ขณะที่โฮจิชะและคุคิชะ ช่วยเสริมรสอาหารทำจากข้าวและอาหารทำจากผักแทบทุกชนิด แต่อาหารดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นที่ทำจากปลานั้น เข้ากับเซ็นชะหรือชาเขียวได้ดี

ชาญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกับเครื่องดื่มสมุนไพรอย่างแบล็กโคฮอช1 และคาโมมายล์ ที่มีตำนานเล่าขานถึงประโยชน์ด้านสุขภาพมากมาย โดยหลายเรื่องได้รับการยื่นยันทางวิทยาศาสตร์แล้ว

สุขภาพและสุขภาวะ

ชาเขียวกลิ่นหอมหวานสะอาดสะอ้าน รสชาติสดใหม่ เป็นที่ชื่นชอบเพราะกลิ่นรสที่ถูกปาก แต่กลับเป็นยาที่ทรงพลังกว่าเครื่องดื่มประจำวันอื่นๆ

ที่จริงแล้วชาเขียวมีคุณสมบัติโดดเด่นในการปรับระบบการทำงานเชิงกายภาพของร่างกาย จนนักวิจัยด้านการแพทย์นิยมเรียกขานว่าเป็น “อาหารเสริมสุขภาพ”

กาแฟอีน

แม้กาเฟอีนจะมีชื่อเสียงไม่ดีในโลกตะวันตก แต่คงเป็นเพราะคุณสมบัติ ช่วยกระตุ้นร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีอยู่สูงในชานั่นเอง ที่ดึงดูดใจผู้นำทางศาสนาและแพทย์ในตอนแรก

นักวิทยาศาสตร์ ระบุว่ากาเฟอีน เป็นหนึ่งในกลุ่มของยาฤทธิ์แรง ที่เรียกว่าเมทิลแซนไธน์ พบในพืชกว่า 60 พันธุ์

กาเฟอีนกระตุ้นสมอง และเร่งกิจกรรมการใช้สติปัญญาให้สูงขึ้น ด้วยการปิดกั้นอะดีโนซีน ซึ่งเป็นสารกล่อมประสาทตามธรรมชาติ

ชาเขียวคุณภาพสูงสุดของญี่ปุ่น ซึ่งเก็บจากยอดอ่อนฤดูใบไม้ผลิที่ให้กาเฟอีนสูง ยังคงมีกาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ

เชื่อกันว่าปริมาณแทนนินและวิตามินซีที่มีอยู่สูง คือสิ่งช่วยปรับลดฤทธิ์ด้านการกระตุ้น

คุณสมบัติที่เสริมฤทธิ์กันของวิตามินซี แทนนิน และกาเฟอีน อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดพระนิกายเซนจึงดื่มชาเขียวระหว่างที่นั่งสมาธิเป็นเวลานาน นั่นก็เพื่อให้เกิดความสงบ แต่ยังคงความตื่นตัวไว้ได้นั่นเอง

ยาบำรุงรักษา

นอกจากจะมีกาเฟอีน การวิจัยระยะหลังยังพบว่าการดื่มชาเขียวไม่เพียงแต่อาจจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองอุดตัน

แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งหลายชนิด ลดความดันโลหิต ส่งเสริมระบบภูมิต้านทาน เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ป้องกันโรคข้ออักเสบ ช่วยลดน้ำหนัก ป้องกันโรคกระเพาะ ชะลอกระบวนการชราภาพเพิ่มภาวะการเจริญพันธุ์ ต่อสู้ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

ประโยชน์ด้านสุขภาพ ที่หลากหลายของชาเขียว มาจากโพลีฟีนอลพฤกษเคมีที่มีอยู่ปริมาณมากและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุดชนิดหนึ่งในธรรมชาติ

ในบรรดาโพลีฟีนอลทั้งหลาย เอพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (อีจีซีจี) เป็นชนิดที่ทรงพลังที่สุด

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยแคนซัส พบว่าอีจีซีจี ให้ผลดีกว่าวิตามินซีถึง 100 เท่า และแรงกว่าวิตามินอีถึง 25 เท่า ในการป้องกันเซลล์กลายพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

ผลการศึกษาของศูนย์วิจัยโภชนาการมนุษย์ อันเกี่ยวเนื่องกับการชราภาพแห่งยูเอสดีเอ พบว่าชาเขียวชงแล้ว 1 ถ้วย (250 มล.) มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระเท่ากับผักสำคัญบางชนิดในปริมาณ 1 ส่วนบริโภค

เลสเตอร์ เอ. มิตส์เชอร์ ดุษฎีบัณฑิต ผู้เป็นอดีตประธานแผนกเคมีการแพทย์ของมหาวิทยาลัยแคนซัส และผู้เขียนหนังสือ The Green Tea Book (Avery, 1997) แนะนำ

ให้บริโภคชาเขียววันละอย่างน้อย 4 ถ้วย (960 มล.) เพื่อจะได้รับโพลีฟีนอลที่มีประโยชน์ในปริมาณ 300-400 มิลลิกรัม

สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการก่อตัวของอนุมูลอิสระ ซึ่งมีบทบาทสําคัญต่อการเกิดโรค ที่เป็นผลจากการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ และการแก่ก่อนวัย

ชาดำที่ผ่านการหมักจะสูญเสียคุณสมบัติด้านส่งเสริมสุขภาพ เพราะกระบวนการผลิต

การวิจัยที่มหาวิทยาลัยรัตเกอร์สยืนยันว่าชาเขียวมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาดำที่ผ่านการหมักถึง 6 เท่า

มะเร็ง ความสามารถที่น่าทึ่งของชาเขียว ในการต้านมะเร็งนั้น มีบันทึกไว้ชัดเจน ทั้งในการศึกษากับมนุษย์และสัตว์

นักวิจัยเสนอว่าการดื่มชาเขียวเพียงวันละ 4 ถ้วย อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งหลายรูปแบบได้เป็นอย่างมาก

การศึกษาเกี่ยวกับผู้อาศัยในย่านปลูกชาของญี่ปุ่น เมื่อปี 1989 ซึ่งตีพิมพ์ใน Japanese Journal of Nutrition รายงานว่า :

พบอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งทุกชนิดต่ำกว่าอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรโดยรวม โดยเฉพาะมะเร็งระบบทางเดินอาหาร

ผลการศึกษาของสถานเวชศาสตร์ ป้องกันแผนจีนในกรุงปักกิ่ง แสดงให้เห็นว่า ความเสี่ยงของมะเร็งช่องปาก ลดลงในหมู่ผู้ที่ดื่มชาเขียวเป็นเวลา 6 เดือน

รายงานใน European Journal of Cancer Prevention พบว่า 69% ของผู้หญิง ที่เกิดภาวะก่อนมะเร็งปากมดลูก เมื่อกินชาเขียวสกัดและใช้ทาที่ปากมดลูก อาการก็บรรเทาหรือสงบลง

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อศึกษากับหนูที่เป็นมะเร็งหลายชนิด หรือหนูที่ได้รับสารก่อมะเร็ง พบว่าเมื่อผสมชาเขียวสกัดในอาหารหนู การเกิดมะเร็งลดลงอย่างชัดเจน

และยังมีหลักฐานด้วยว่าการดื่มชาเขียวช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของคนไข้มะเร็ง หลังจากรับการบำบัดรักษาตามแบบแผน เช่น ผ่าตัด ฉายแสง และบำบัดด้วยเคมีแล้ว

แม้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่า เหตุใด ชาเขียวจึงเป็นสารต้านมะเร็งที่ออกฤทธิ์แรง

นักวิจัยหลายคนเชื่อว่า โพลีฟีนอลเข้มข้นสูงป้องกันความเสียหายของดีเอ็นเอในระดับโครโมโซม ซึ่งมักจะเกิดขึ้นก่อนเริ่มเป็นมะเร็งได้

โพลีฟีนอลเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยร่างกายต่อต้านอนุมูลอิสระ อันตรายที่อาจทำลายองค์ประกอบพันธุกรรมปกติของเซลล์ที่แข็งแรง โดยเปลี่ยนให้กลายเป็นมะเร็งที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งกระทำโดยมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ และตีพิมพ์ใน Chemical Research in Toxicology พบว่าสารเคมีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟลาโวนอยด์ในชาเขียว ปิดกั้นโมเลกุลหลักที่อาจมีบทบาทสําคัญ ต่อพัฒนาการของมะเร็ง

นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเมอร์เชียในสเปนและศูนย์จอห์น อินเนส ในนอริช ประเทศอังกฤษ รายงานว่า

อีจีซีจีในชาเขียว ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งเติบโต โดยรวมเอ็นไซม์ชนิดหนึ่งที่สร้างดีเอ็นเอในเซลล์มะเร็งนั่นเป็นครั้งแรก ที่มีการแสดงให้เห็นว่าอีจีซีจีในชาเขียวที่มีปริมาณค่อนข้างสูง

ช่วยยับยั้งเอ็นไซม์สร้างมะเร็งซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกันของยาต้านมะเร็งที่ใช้ในการรักษาตามแบบแผนทั่วไป

ชาเขียวยังป้องกันมะเร็งได้อีกวิธีหนึ่ง นั่นคือ ด้วยการยับยั้งการทำงานของคาร์ซิในเจน

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน European Journal of Cancer Prevention และ Journal of Cellular Biochemistry เสนอแนะว่า

ชาเขียวสามารถล้างพิษคาร์ซิโนเจนขณะที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจอธิบายได้ว่า เหตุใดผู้สูบบุหรี่ที่ ดื่มชาเขียวจึงมีแนวโน้มเป็นมะเร็งปอดน้อยกว่าผู้สูบบุหรี่ที่ไม่ดื่มชาเขียว

ที่จริงแล้ว การศึกษาในญี่ปุ่น ที่เปรียบเทียบสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ในเลือด ของผู้สูบบุหรี่ที่ดื่มชาเขียวปริมาณมาก (10 ถ้วยเล็กแบบญี่ปุ่น หรือ 5-7 ½ ถ้วย หรือ 1 ¼ – 1 ¾  ลิตรต่อวัน) กับสารในเลือดของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ พบว่าไม่มีความแตกต่างใดๆที่โดดเด่น

โรคหลอดเลือดหัวใจ American Journal of Clinical Nutrition ระบุว่า ชาเขียวช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ด้วย

รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เมื่อปี 1999 พบว่า ฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารให้สีเหลืองในชาเขียว และคาเทชิน ช่วยลดการก่อตัวของคอเลสเตอรอล (ชนิดเลว) แอลดีแอล ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด

ผลการศึกษาระยะหลังที่ตีพิมพ์ในวารสาร Circulation พบว่าการดื่มชาวันละมากกว่า 2 ถ้วย (500 มล.) ลดอัตราการเสียชีวิตเพราะหัวใจวายได้ถึง 44%

ชินอินจิ คุริยามะ ดุษฎีบัณฑิต แพทยศาสตร์บัณฑิต ด้านระบาดวิทยา แห่งวิทยาลัยแพทย์มหาวิทยาลัยโทโฮคุ  ทำการศึกษาโดยใช้ผู้ใหญ่มากกว่า 40,000 ราย เพื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ดื่มชาวันละน้อยกว่า 1 ถ้วย กับผู้ที่ดื่มชาวันละ 3-5 ถ้วย

พบว่าผู้หญิงที่ดื่มชาเขียววันละ 5 ถ้วย หรือมากกว่านั้น มีอัตราความเสี่ยงในการเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจต่ำกว่าถึง 31% ขณะที่ผู้ชายมีอัตราเสี่ยงลดลง 22% โดยที่ทั้งสองเพศมีอัตราการเสียชีวิตเพราะหัวใจวายลดลงมากที่สุด

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงที่ลดลงของอาการหัวใจวายรุนแรงนั้น เกี่ยวพันกับฟลาโวนอยด์เข้มข้นปริมาณสูงในชาเขียว

คุณสมบัติอันทรงพลังของชาเขียว ในการลดคอเลสเตอรอล ยังแสดงให้เห็นในการศึกษาหลายครั้ง ซึ่งใช้สัตว์ที่กินอาหารไขมันสูง

อย่างไรก็ตาม คอเลสเตอรอลไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด ที่จริงแล้วคอเลสเตอรอลมีบทบาทสำคัญ ด้านโครงสร้างในการปฏิบัติหน้าที่ของร่างกายที่แข็งแรง ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพบางรายถึงกับย้ำเตือนอันตรายของภาวะ “คอเลสเตอรอลต่ำ” ด้วยซ้ำไป

ที่น่าทึ่งก็คือ ชาเขียวช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลของระดับคอเลสเตอรอลไว้ได้อย่างพอเหมาะ

ในการทดลองหลายรอบซึ่งมีการรายงานไว้ใน Proceeding of the Third International Symposium on Tea Science นักวิทยาศาสตร์พบว่าระดับคอเลสเตอรอลของสัตว์ที่ไม่ได้กินอาหารไขมันสูง

ม่ได้รับผลกระทบจากสารสกัดชาเขียวแต่อย่างใด พวกเขาจึงสรุปว่าชาเขียวทำหน้าที่เพียงแค่จำกัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น

ความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงสร้างภาระหนักให้กับระบบหมุนเวียนโลหิต และก่อให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง หัวใจวาย โรคหัวใจและโรคไต

ผู้ที่รักชาเขียวจะมีความสุขที่ได้รู้ว่าเครื่องดื่มที่ตนเลือกดื่ม เป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูงที่ได้ผลดีที่สุด ชนิดหนึ่งของโลก

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการดื่มชาเขียววันละ 2 ถ้วย ช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงได้ถึง 50% และความเสี่ยงอาจลดลงอีกในหมู่ผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดอาการความดันโลหิตสูง เช่น ผู้ที่บริโภคโซเดียมในปริมาณสูง

น้ำตาลในเลือด ผลการศึกษาครั้งสำคัญที่มหาวิทยาเกียวโต เมื่อ 60 ปีก่อน เผยให้เห็นความสัมพันธ์ที่เด่นชัดระหว่างระดับน้ำตาลในเลือดและการบริโภคชาเขียว

เมื่อคนไข้เบาหวานในโรงพยาบาลเข้าร่วมพิธีชงชา (ชาโนยุ) ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง โชคร้ายที่รายงานสำคัญฉบับนี้ถูกละเลย เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

มีงานศึกษาวิจัยของญี่ปุ่นหลายครั้ง ที่แสดงให้เห็นว่า องค์ประกอบหลายอย่างในชาเขียว ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวาน

เพราะพันธุกรรม การศึกษาวิจัยที่เก่ากว่าของมหาวิทยาลัยเกียวโตและการวิจัยที่ใหม่กว่าในห้องทดลอง แสดงให้เห็นว่าชาเขียวอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาวะแก่ก่อนวัย เป็นการดีที่จะแก่ตัวลงอย่างสง่างาม แต่ไม่ควรจะแก่ก่อนวัย แม้ว่าออกซิเจนจะมีความจำเป็นกับชีวิต แต่ก็อาจไปผสานรวมกับโมเลกุลในร่างกายจนกลายเป็นอนุมูลอิสระ

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันเชื่อว่าเป็นต้นเหตุสำคัญของการแก่ก่อนวัย วิธีหนึ่งที่จะชะลอกระบวนการชราภาพคือการป้องกันการผลิตและสะสมของออกซิเจนที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย ด้วยการบริโภคสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก เช่น วิตามินอีและซี

การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ยิ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้นในร่างกายสัตว์มากเท่าใด สัตว์ก็ยิ่งมีอายุยืนมากขึ้นเท่านั้น ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่าสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวทรงพลังกว่า ที่มีอยู่ในวิตามินอีและซีหลายเท่าตัว

เราไม่จำเป็นต้องดื่มชาเขียว เพื่อให้ได้ประโยชน์ด้านการชะลอวัย Archives of Dermatology รายงานผลการศึกษาเชิงทดลองว่า เพียงใช้ชาเขียวถูทาตามผิว ก็จะช่วยปรับสภาพของใบหน้าและป้องกันปัญหาผิวหนังบางอย่างได้

เพียงชโลมสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวบนผิวหนัง ก็อาจช่วยหยุดยั้งอนุมูลอิสระ ไม่ให้ทำลายเซลล์ผิวหนังที่แข็งแรงได้ นี่อาจอธิบายว่าเหตุใดจึงมีเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสมชาเขียวสกัดเนืองแน่นอยู่ในตลาดสินค้าเพื่อความงามและสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ก่อนใช้ชาเขียวเพื่อป้องกันแสงแดด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อน

การเจริญพันธุ์ หากปรารถนาจะมีบุตร ชาเขียวอาจช่วยให้ตั้งครรภ์ได้

การศึกษาที่โครงการดูแลสุขภาพไกเซอร์ เพอร์มาเนนเต้ แห่งแคลิฟอร์เนียเหนือ ในโอ๊กแลนด์

นักวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ดื่มชาเขียวมากกว่าครึ่งถ้วย (125 มล.) เป็นประจำทุกวัน มีโอกาสตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น 2 เท่า แต่เมื่อทดสอบกับเครื่องดื่มชนิดอื่นที่มีกาเฟอีน กลับไม่ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน

ประโยชน์ด้านสุขภาพอื่นๆ ของชาเขียว

มีความเชื่อดั้งเดิมจำนวนมาก เกี่ยวกับชาเขียวญี่ปุ่น ที่ได้รับการยืนยันแล้ว จากการวิจัยทางการแพทย์ยุคใหม่ ในอดีตหญิงมีครรภ์ จะถูกสอนให้ดื่มชาเขียว

ปัจจุบันเรารู้กันแล้วว่า ในชาเขียวมีสังกะสี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญระหว่างการตั้งครรภ์ แม้หญิงชาวญี่ปุ่นที่ตั้งครรภ์จะบริโภคชาเขียวปริมาณมากมานานหลายศตวรรษ

แต่แพทย์บางรายยังกังวลว่า อีจีซีจีในชาเขียว อาจสกัดกั้นเอ็นไซม์ที่จำเป็นต่อการนำกรดโฟลิกไปใช้ในเซลล์

การได้รับกรดโฟลิกไม่มากพอ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดทารก ที่มีท่อระบบประสาทผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม แอนดรูว์ เวล ผู้มีชื่อเสียงเรื่อง การอุทิศตนให้กับการแพทย์องค์รวม กล่าวว่า “ผมไม่พบผลการศึกษาใด ที่เสนอว่าไม่ควรดื่มชาเขียวระหว่างที่พยายามจะมีบุตรหรือระหว่างตั้งครรภ์”

จากผลการศึกษาอื่นนั้น เด็กที่ดื่มชาวันละถ้วย มีอัตราฟันผุลดลงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากในชามีสารแทนนินและฟลูออไรด์อยู่ตามธรรมชาติ

ชาเขียวมีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากด้วยเหตุผลหลายประการคือ ยุติการก่อตัวของคราบอาหาร ฆ่าแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุ และเป็นยากำจัดกลิ่นปากในตอนเช้าที่รสชาติดี

เชื่อกันว่า แทนนินต้นเหตุโดยตรงที่ทำให้ชาเขียวมีรสขม คือสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษที่เกิดจากมลพิษ และเร่งการเผาผลาญไขมัน ซึ่งช่วยลดน้ำหนักได้

ที่จริงแล้วผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition พบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียว มีการเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และระบบเมตาบอลิซึมของร่างกายทำงานดีขึ้น

ผลการศึกษาโดยใช้สัตว์ยังช่วยยืนยันคุณสมบัติด้านการลดไขมันของชา ซึ่งดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับระดับกาเฟอีนแต่อย่างใด

นักประวัติศาสตร์ชาบางราย เชื่อว่า มีการใช้ชามานานกว่าสองพันปี เพื่อทำให้น้ำดื่มที่มีการปนเปี้อนกลายเป็นน้ำสะอาด

การวิจัยยุคใหม่ยืนยันว่า คาเทชิน ในชาเขียวเป็นสารฆ่าเชื้อที่ทรงพลัง จนทำลายแบคทีเรียหลายชนิด ที่ทำให้อาหารบูดเสียได้  ขณะที่ไร้ผลกระทบด้านลบต่อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้

ยิ่งไปกว่านั้น มีรายงานในญี่ปุ่นเมื่อปี 1989 ที่ระบุว่า ชาเขียวส่งผลอย่างยิ่งต่อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดอหิวาตกโรค นอกจากนั้น ยังพบว่า องค์ประกอบหลายอย่างในชาเขียว ช่วยยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่และไวรัสเอดส์ได้

ในการทดสอบภายในห้องทดลอง นักวิจัยชาวญี่ปุ่นรายงานว่า สารฟลาโวนอยด์ อาจช่วยป้องกัน การก่อตัวของต้อกระจกบางชนิดได้ และอาจช่วยควบคุมการก่อตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งแสดงว่าชาเขียวอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดและเส้นเลือดในสมองอุดตันได้

หากยังไม่มั่นใจว่าชาเขียวเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในโลก ก็ยังมีเรื่องราวที่เหลือเชื่ออีกมาก

หากนิสัยกระหายกาเฟอีนของคุณ อยู่ในรูปของการดื่มน้ำอัดลมหรือกาแฟ ลาเต้ ที่เป็นภัยต่อสุขภาพ การเปลี่ยนมาดื่มชาเขียวแทน ยังช่วยประหยัดเงินได้อีกด้วย


1 black cohosh สมุนไพรที่เหง้าและรากมีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนสตรี มีการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อสตรีวัยทอง-ผู้แปล