รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeเรื่องเล่าสะกิดสุขภาพ Health Story

อันตรายจากการเเพ้อาหาร

 

การแพ้อาหารอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ และอาการแพ้ส่วนมากมักไม่ค่อยน่ายินดีนัก ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทุกๆ ปีจะมีคนเสียชีวิต 100 คนจากการแพ้อาหาร คนเหล่านี้ต้องทุกข์ทรมานกับอาการแพ้โปรตีน ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีอันตรายถึงเสียชีวิตได้

อาการแพ้อาจเริ่มต้นด้วยอาการคันอย่างรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นกะทันหัน แล้าค่อยๆ มีอาการบวมในเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจที่บริเวณลำคอทำให้หายใจลำบาก ความดันเลือดลดต่ำลง หมดสติ และเสียชีวิตได้

อาหารที่มักทำให้เกิดอาการเเพ้

มากกว่า 90% ของอาการแพ้อาหาร มีสาเหตุมาจากอาหาร 8 ชนิดเหล่านี้ คือ นม ไข่ ถั่วลิสง ผลไม้เปลือกแข็ง อาหารที่ทำจากถั่วเหลือง ข้าวสาลี ปลา และสัตว์น้ำประเภทกุ้ง หอย ปู ปลาทั้งหลาย

การทดสอบหาอาหารที่ทำให้เกิดอาการเเพ้

เมื่อไรก็ตามที่คุณมีอาการเป็นไข้ คันตามผิวหนัง หน้าตา ริมฝีปาก และลิ้น จากนั้นจึงเริ่มมีอาการบวมหลังจากกินอาหารบางอย่างเข้าไป นั่นคือสัญญาณเตือนของอาการแพ้อาหาร แต่บางครั้งอาจมีอาการไม่รุนแรงนักและเกิดขึ้นหลังจากกินอาหารไปแล้วหลายชั่วโมง

ซึ่งในการค้นหาอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ แพทย์จะแนะนำให้ใช้หลักการกินอาหารแบบ elimination diet คือตัดอาหารที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกไป จากนั้นให้อาหารดังกล่าวกลับเข้ามาเพิ่มใหม่ แล้วดูว่าอาการเเพ้เกิดขึ้นหรือไม่

การทดสอบที่มีความละเอียดอ่อนมากขึ้น 2 แบบ คือ ELISA และ RAST ซึ่งเป็นการทดสอบที่สามารถบอกได้ถึงชนิดของแอนตี้บอดี้ที่ทำปฏิกิริยากับสารที่ก่อให้เกิดอาการเเพ้ในเลือด

แต่การทดสอบทั้งสองแบบนี้มักจะไม่นิยมใช้กันหลังจากที่คุณทราบแล้วว่าคุณแพ้อาหาร

วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลียงอาการแพ้ คือ การหลีกเลี่ยงอาหารนั้นๆ ซึ่งฟังดูแล้วอาจทำได้ยาก

เนื่องจากในบางครั้งอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้บางชนิด จะปนอยู่ในส่วนผสมของอาหารจานอื่นๆ เช่น คนที่แพ้ถั่วลิสงจะมีอาการเเพ้หลังจากที่กินพริกซึ่งทำด้วยเนยถั่ว

ขนมปังข้าวไรย์อาจมีส่วนผสมของแป้งสาลีที่มีโปรตีน ซึ่งเป็นอาหารทั่วไปที่มักทำให้เกิดอาการแพ้

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับการแพ้อาหาร คือ คุณอาจจะไม่ได้กินอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ แต่คนที่แพ้อาการทะเล ปลา กุ้ง อาจหายใจลำบากหลังจากเพียงแค่ได้กลิ่นอาหารที่ปรุงจากปลา

ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไวต่อการแพ้อาหาร (หรือเเพ้อย่างอื่น เช่น พิษตัวต่อ) แพทย์อาจแนะนำให้คุณพกกระบอกฉีดยาที่เติมสาร เอปิเนฟริน สำหรับฉีดเเก้อาการแพ้ที่เกิดขึ้น หรือคุณอาจต้องติดแผ่นป้ายบอกไว้ว่า คุณเป็นคนที่มีอาการแพ้อาหารชนิดรุนแรง

สังเกตปฏิกิริยาทางร่างกายอื่นๆ ที่มีต่ออาหาร

อาการแพ้อาหาร เป็นคำที่หมายถึง ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทั่วไปโดยธรรมชาติ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าแพ้อาหาร แต่หมายถึงปฏิกิริยาที่ไม่เกี่ยวกับการผลิตสารแอนตี้บอดี้โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งปฏิกิริยาการเเพ้อาหารที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

  • ปฏิกิริยาต่อการเผาผลาญอาหาร ซึ่งไม่สามารถย่อยอาหารบางอย่างได้ เช่น ไขมัน หรือแลคโตส (น้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในนม) ซึ่งทำให้เกิดแก๊ส ท้องร่วง หรืออาการอื่นๆ ของกระเพาะอาหาร และลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
    .
  • ปฏิกิริยาทางร่างกายต่อสารเคมีบางอย่าง เช่น สารซึ่งมีคุณสมบัติเป็นยาระบายในลูกพรุน สารเพิ่มรสชาติอาหารของผงชูรส ซึ่งบางคนจะมีความไวต่ออาหารเหล่านี้ได้ง่ายมาก ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาทางร่างกาย ไม่ใช่อาการแพ้
    .
  • การตอบสนองทางร่างกายต่อการกระตุ้นทางจิตใจ เมื่อมีความกล้ามากๆ กังวลหรือตื่นเต้นมากๆ ร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวสูง ฮอร์โมนจะไปสูบฉีดหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นแรง และหายใจแรงอาหารถูกส่งผ่านไปยังลำไส้อย่างรวดเร็ว และทำให้ท้องและกระเพาะปัสสาวะว่าง กระบวนการทั้งหมดเป็นปฏิกิริยาตอบโต้เพื่อเตรียมร่างกายให้ปกป้องตนเองด้วยการสู้หรือวิ่งหนีหรือในอีกระดับหนึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วงซึ่งทั้หมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่อาการแพ้ แต่เป็นการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย
    .
  • การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ และ/ หรือพฤติกรรม อาหารบางชนิดอย่างเช่น กาแฟ ซึ่งประกอบด้วยสารเคพาอีนซึ่งมีผลแท้จริงต่ออารมณ์เเละพฤติกรรม

Cr. คู่มือโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น