รวมความรู้ด้านสุขภาพ Health Knowledgeศาสตร์ชะลอวัย Anti-aging

9 คุณประโยชน์ของน้ำมันอโวคาโด

อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่แตกต่างจากผลไม้ทั่วไป เพราะอุดมไปด้วยไขมันที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ และมักใช้ในการผลิตน้ำมัน แต่มักจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เพราะผู้คนส่วนใหญ่มักจะนิยมบริโภคน้ำมันมะกอกมากกว่า

ทั้งที่น้ำมันอโวคาโดก็มีรสชาติดีไม่แพ้กัน  โดยที่น้ำมันอะโวคาโดยังมีประโยชน์มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ต่อไปนี้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจากน้ำมันอะโวคาโดถึง 9 ข้อ

1. อุดมไปด้วยกรดโอเลอิก กลุ่มไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

น้ำมันอะโวคาโด เป็นน้ำมันธรรมชาติที่ถูกสกัดจากอะโวคาโด เกือบ 70% ของน้ำมันอะโวคาโด

ประกอบด้วยกรดโอลิอิกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และโอเมก้า 9  ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำมันมะกอก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ประมาณ 12% ของน้ำมันอโวคาโด ยังเป็นไขมันอิ่มตัว และประมาณ 13% เป็นไขมันไม่อิ่มตัว

แม้ว่าน้ำมันอะโวคาโดจะมีอัตราส่วนโอเมก้า 6 ถึงโอเมก้า 3 ( Omega 6 – 3 ) สูง ถึง 13 : 1 แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะปริมาณโอเมก้า 6 ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ

2. ลดคอเลสเตอรอล และช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ

จากการศึกษาทดลอง และค้นคว้าในสัตว์หลายชนิดได้ ผลการรายงานถึงประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพของหัวใจ
ตัวอย่าง

ผลการทดลองกับ กระต่าย เมื่อเปรียบเทียบน้ำมันอโวคาโด กับน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และน้ำมันข้าวโพด พบว่าน้ำมันอะโวคาโด มีประโยชน์ต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือด มากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น ในน้ำมันอโวคาโด และน้ำมันมะกอก ยังมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการเพิ่มค่า HDL ซึ่งเป็น “คอเลสเตอรอลดี”

และผลการทดลองกับหนู น้ำมันอะโวคาโดมีผลช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด อีกทั้งยังช่วยให้ ความดันโลหิตลดลง

3. มากด้วย “ลูทีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อดวงตา

น้ำมันอโวคาโด เป็นแหล่งที่มาของ ลูทีน ( Lutein ) และ แคโรทีนอยด์( Carotenoid  ) ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา

ซึ่งการรับประทาน ลูทีน ( Lutein ) จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจก  และการเสื่อมสภาพของเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นโรคตา ที่เกี่ยวข้องกับอายุ และร่างกายที่มากขึ้น

เพราะร่างกายของมนุษย์นั้นไม่สามารถผลิต ลูทีน ( Lutein ) ได้ดังนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากภายนอกเพื่อไปทดแทน และเสริมสร้างส่วนที่ขาดหายไปของร่างกาย

4. ช่วยเพิ่มการดูดซึม สารอาหารที่สำคัญ

สารอาหารบางชนิด ต้องการใช้ไขมันเพื่อช่วยในการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย  ไขมันกลุ่มนี้ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของ แคโรทีนอยด์ ( Carotenoid  )  ซึ่งที่พบในพืชหลายชนิด

อย่างไรก็ตาม ผลไม้ และผักที่อุดมไปด้วย แคโรทีนอยด์ ( Carotenoid  ) มักจะมีไขมันต่ำ  

จากผลการค้นคว้าชิ้นหนึ่ง พบว่าการเพิ่มน้ำมันอะโวคาโด ลงในสลัดกับแครอท ผักกาดหอมและผักขม จะช่วยเพิ่มการดูดซึม แคโรทีนอยด์ ( Carotenoid  ) ให้ เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสลัดที่ไม่มีไขมัน

5. ช่วยลดอาการปวดของโรคข้ออักเสบ

โรคข้ออักเสบ เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของข้อต่อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลก

โดยที่โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นอาการที่พบมากที่สุดของโรคข้ออักเสบ เพราะมันเกี่ยวข้องกับการสลายของกระดูกอ่อนในข้อต่อ

จากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากน้ำมันอะโวคาโดและน้ำมันถั่วเหลือง มีส่วนช่วยลดอาการปวดและความแข็งของโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งสารสกัดนี้น่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม สะโพกและเข่าเสื่อม

6. ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับเหงือก

สารสกัดจากอะโวคาโดและน้ำมันถั่วเหลือง ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อโรคข้ออักเสบเท่านั้น

จากหลักฐานบางอย่าง แสดงให้เห็นว่า การรวมกันของ สารสกัดจากอะโวคาโด และน้ำมันถั่วเหลือง อาจช่วยป้องกันโรคปริทันตวิทยา ( หรือ โรคปริทันต์ ) หรือที่รู้จักกันในชื่อโรคเหงือกอักเสบ

โดยอาการอักเสบนี้ อาจรวมถึงอาการต่างๆ เช่น เหงือกที่มีเลือดออก  เลือดออกมากจนมีกลิ่นปาก การสลายตัวของมวลกระดูก  และเนื้อเยื่อรอบฟัน

ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจทำให้เกิดการสูญเสียฟันได้

ามการศึกษาในเซลล์กระดูก และเนื้อเยื่อปริทันต์ อะโวคาโด / ถั่วเหลือง ( Unsaponifiables) มีความสามารถบล็อกโปรตีนที่เรียกว่า IL1B  ซึ่งโปรตีนชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการอักเสบ และเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ในการทำลายเนื้อเยื่อ และการสูญเสียมวลกระดูกในโรคเหงือก

7. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น และช่วยรักษาบาดแผล

กรดไขมัน ในน้ำมันอะโวคาโด มีประโยชน์ต่อผิวพรรณของคุณ

จากการศึกษาค้นคว้าในผู้ป่วย 13 ราย พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันอะโวคาโด และวิตามินบี 12 จะช่วยรักษาอาการของโรคสะเก็ดเงินได้ดีขึ้น

หลังจากได้รับการรักษา 12 สัปดาห์ และ น้ำมันอโวคาโดยังมีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บที่ผิวหนัง และจากการศึกษาพบว่าน้ำมันอะโวคาโด มีส่วนช่วยเร่งการฟื้นฟู และเร่งการรักษาแผลได้

8. ต่อต้านการเกิด อนุมูลอิสระ

สารต้านอนุมูลอิสระจะส่งผลกระทบและ ความเสียหายกับเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นของเสียจากการเผาผลาญอาหารในระดับสูง และจะนำไปสู่โรคต่างๆ  เช่นโรคเบาหวาน  และโรคหัวใจ  

โดยที่สารต้านอนุมูลอิสระ จะสามารถทำให้เกิดความเป็นกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ซึ่งอนุมูลอิสระหลายชนิดมีอยู่แล้ว

แต่อนุมูลอิสระที่ได้รับออกซิเจนแล้ว จะเรียกว่าเป็นชนิดออกซิเจนเชิงปฏิกิริยา  (ROS)  เป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ อวัยวะที่ผลิตพลังงานเป็นแหล่งสำคัญของ (ROS)

จากการศึกษาค้นคว้า น้ำมันอะโวคาโดสามารถป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระได้โดยการป้อน ( Mitochondria ) เพราะเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมี ( Mitochondria ) ก็สามารถที่จะต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายได้

9. ใช้งานได้ง่ายมาก

สุดท้ายนี้ไม่ใช่ประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็ยังสำคัญอยู่  เป็นความจริงที่ว่าน้ำมันอะโวคาโดมีความหลากหลาย และง่ายที่จะใช้ร่วมกับอาหารของคุณ
ตัวอย่างเช่น น้ำมันอะโวคาโด สามารถใช้บริโภคได้ และยังเป็นน้ำมันปรุงอาหารที่ปลอดภัย และมีประโยชน์

ต่อไปนี้เป็นวิธีการใช้ น้ำมันอะโวคาโด กับเมนูอาหารของคุณ

  • ใช้น้ำมันอะโวคาโด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผัก หรือผลไม้ปั่น
  • ใช้ราดผสมกับเมนูสลัด
  • ใช้ในการหมัก สำหรับเมนูย่างเนื้อสัตว์
  • ใช้แทนเนย หรือน้ำมัน ในการอบ
  • ใช้ทำมายองเนส แบบโฮมเมด
  • ใช้ในเมนู ผัด หรือคั่วอาหาร
  • ใช้ราดบนมันฝรั่งอบ หรือ มันฝรั่งบด
  • ใช้ราดบนซุปเย็น เช่น คาสปาโช่

นอกจากนี้น้ำมันอะโวคาโด ยังถูกใช้ในเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกด้วย

Cr. มหัศจรรย์อาหารญี่ปุ่น